นายวุฒิภูมิ จุฬารกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทสายการบิน นกแอร์ จำกัด เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า จากกรณีที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) หรือ กพท. ได้ออกคำสั่งห้ามนกแอร์ เปิดบินเส้นทางการบินระหว่างประเทศ โดยมีผลบังคับใช้ทันที คำสั่งดังกล่าวเป็นผลมาจากการที่ CAAT ได้รับการตรวจสอบ (Audit) จากองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) และมีการดำเนินการที่เข้มงวดมากขึ้น
ทั้งนี้นกแอร์ได้ชี้แจงถึง 3 ประเด็นหลักที่เป็นสาเหตุของคำสั่งนี้ และยืนยันว่าจะดำเนินการชี้แจงต่อ CAAT ภายใน 10 วัน พร้อมทั้งเตรียมยื่นอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นเดือนมกราคมปีที่แล้ว ระหว่างที่เครื่องบินกำลังร่อนลงจอด มีสัญญาณเตือนในห้องนักบินว่าเครื่องยนต์มีปัญหา ทำให้เครื่องบินลำดังกล่าวต้องจอดอยู่ที่ประเทศจีนเป็นเวลาประมาณ 1 เดือน ซึ่งการแก้ไข นกแอร์ได้จำหน่ายเครื่องยนต์ที่เสียหายออกไปและติดตั้งเครื่องยนต์ใหม่เรียบร้อยแล้ว เครื่องบินลำดังกล่าวได้กลับมาบินตามปกติมานานกว่า 1 ปีแล้ว
แต่มีปัญหาที่อุปสรรคในการชี้แจงกับกพท. ตรงที่ CAAT ต้องการให้นกแอร์ชี้แจงถึงสาเหตุที่แท้จริงของเครื่องยนต์ แต่เนื่องจากนกแอร์ได้ขายเครื่องยนต์ตัวเก่าทิ้งไปแล้ว จึงไม่สามารถนำมาผ่าตรวจหาสาเหตุได้ นกแอร์ยืนยันว่าไม่สามารถสอบสวนได้ เพราะเครื่องยนต์ไม่ได้อยู่กับนกแอร์แล้ว และปัญหาในเรื่องนี้ผ่านมานานกว่า 1 ปี 8 เดือนแล้ว
สถานการณ์ภาพรวมอุตสาหกรรมการบินโดยรวม ประสบปัญหาการขาดแคลนนักบินที่สามารถบินเครื่องบินรุ่นเดียวกับนกแอร์ได้ เนื่องจากมีการเพิ่มจำนวนเครื่องบินในหลายสายการบิน ทั้งกฎเกณฑ์ใหม่ของ CAAT ได้ปรับเปลี่ยนไปใช้กฎเกณฑ์ใหม่ที่เรียกว่า T-CAR Aviation Law เมื่อประมาณ 1-2 ปีที่แล้ว การประกาศใช้กฎใหม่นี้ทำให้โรงเรียนการบินและสายการบินต่างๆ ต้องมีหลักสูตรใหม่สำหรับการฝึกนักบินและครูฝึก
ปัญหาหลักสูตร ปัจจุบันยังไม่มีหลักสูตรใดที่ผ่านการรับรอง ส่งผลให้จำนวนนักบินที่สามารถขับเครื่องบินรุ่น Boeing 737 (รุ่นเดียวกับนกแอร์) ในตลาดที่มีสัญชาติไทยมีจำนวนจำกัดเพียงประมาณ 500 คนในประเทศ. สิ่งนี้ทำให้เกิดการ "แย่งตัวนักบิน" กันในอุตสาหกรรม
แม้จะมีการแย่งตัวนักบิน แต่ทางนกแอร์ยืนยันว่านักบินของตนไม่ได้ขาดแคลน นักบินนกแอร์มีชั่วโมงบินต่อเดือนอยู่ที่ประมาณ 40-70 ชั่วโมง ซึ่งต่ำกว่ามาตรฐานที่กฎกำหนดไว้ไม่เกิน 90 ชั่วโมงต่อเดือน ดังนั้นภาระงานของนักบินจึงไม่หนักเกินไป นอกจากนี้ ช่วงนี้เป็นช่วง Low Season ที่ไม่จำเป็นต้องใช้นักบินจำนวนมาก
ข้อกังวลของ CAAT รายละเอียดในประเด็นนี้ยังไม่ชัดเจน แต่นกแอร์ยืนยันว่า ใช้ซอฟต์แวร์ในการมอนิเตอร์พฤติกรรมการบิน ซึ่งเป็นหนึ่งในซอฟต์แวร์ระดับต้นๆ ของโลกและมีมาตรฐานระดับโลก ซอฟต์แวร์นี้ใช้ในการควบคุมความเร็วและท่าทางการบินต่างๆ ของนักบิน นกแอร์มีการประเมินและมอนิเตอร์พฤติกรรมอยู่ตลอดเวลา และมีการลงโทษภายในสำหรับนักบินที่ทำผิดระเบียบ
นายวุฒิภูมิ กล่าวต่อว่า สำหรับแผนในการดำเนินการของนกแอร์ ต่อจากนี้ นกแอร์เตรียมยื่นเอกสารชี้แจงต่อ กพท. ภายใน 10 วันนี้ นอกจากนี้จะยื่นอุทธรณ์คำสั่งของ กพท. เพื่อขอให้ทบทวน โดยเฉพาะในประเด็นปัญหาเครื่องยนต์ที่เกิดขึ้นมานานกว่าหนึ่งปีแล้ว
สำหรับผลกระทบต่อเที่ยวบินระหว่างประเทศ แม้คำสั่งระงับเที่ยวบินระหว่างประเทศจะมีผลทันที แต่ปัจจุบันนกแอร์ได้ หยุดบินเส้นทางต่างประเทศทั้งหมดมาตั้งแต่เดือนมิถุนายนแล้ว สาเหตุคือเป็นช่วง Low Season และมี Supply ล้นตลาด ทำให้ Demand ไม่สมดุล และอัตราการบรรทุกผู้โดยสาร (Shaping Factor) ไม่ถึง 80%
แต่อย่างไรก็ตามจากประกาศห้ามบินระหว่างประเทศที่เกิดขึ้น นกแอร์ได้มีการขายตั๋วสำหรับเที่ยวบินระหว่างประเทศล่วงหน้าไปแล้วจำนวนหนึ่ง ทางสายการบินกำลังหาแนวทางแก้ไขผลกระทบต่อผู้โดยสาร เช่น การใช้เครื่องบินของสายการบินอื่นมาทดแทน หรือโอนย้ายผู้โดยสารไปยังสายการบินอื่น
ส่วนเที่ยวบินในประเทศของนกแอร์ไม่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งนี้ นกแอร์เน้นการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ
นกแอร์ยืนยันในเรื่องความปลอดภัยและมาตรฐานการบิน โดยเป็น สายการบินต้นทุนต่ำเพียงรายเดียวในประเทศไทยที่ดำเนินงานมา 21 ปี โดยไม่เคยเกิดอุบัติเหตุถึงขั้นเสียชีวิตของผู้โดยสารแม้แต่ครั้งเดียว
ส่วนเหตุผลที่ กพท. ดำเนินการอย่างเข้มงวดนี้ คาดการณ์ว่าเพื่อป้องกันไม่ให้ประเทศไทยถูก ICAO ติด "ธงแดง" เหมือนในอดีต การตรวจสอบของ ICAO
ปัจจุบันสายการบินนกแอร์ยังคงปฏิบัติการบินตามปกติในทุกเส้นทางภายในประเทศ ทุกเที่ยวบินปฏิบัติการ ภายใต้ข้อกำหนดด้านความสมควรเดินอากาศที่กำกับดูแลโดย กพท. สำหรับเส้นทางระหว่างประเทศจะมีการประกาศแผนการให้บริการอีกครั้งเมื่อดำเนินการตามเอกสารแล้วเสร็จ โดยนกแอร์มีแผนอยู่แล้วที่จะกลับมาบินเส้นทางระหว่างประเทศเพื่อรองรับการเดินทางในช่วงไฮซีซันนี้
สายการบินนกแอร์ดำเนินการตามประกาศ กฎระเบียบ ข้อบังคับและกฎหมายที่เกี่ยวข้องของหน่วยงานกำกับดูแลมาอย่างต่อเนื่อง โดยอยู่ระหว่างการประสานงานกับ กพท. อย่างใกล้ชิดในการชี้แจงเพิ่มเติมเพื่อยืนยันถึงมาตรการด้านความปลอดภัยและการดำเนินการที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล เพื่อให้มั่นใจว่าทุกเที่ยวบินของนกแอร์ดำเนินการด้วยความปลอดภัยสูงสุด