UTA ขู่เรียกเสียหาย 5 พันล้าน จี้ออก NTP ลงทุนสนามบินอู่ตะเภา อีอีซีชงครม.เจรจาสัญญา

26 ก.ค. 2568 | 03:04 น.
อัปเดตล่าสุด :26 ก.ค. 2568 | 03:39 น.

UTA ขู่เรียกเสียหาย 5 พันล้านบาท จี้ออก NTP สร้างอู่ตะเภา ด้าน อีอีซี ขอให้เอกชน ขยายเวลาที่ขีดเส้นตายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ออกไปก่อน เตรียมชงครม. 29 ก.ค.นี้ เปิดทางให้เจรจาแก้ไขสัญญา

นายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) หรือ อีอีซี เปิดเผยว่าบริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น  จำกัด หรือ UTA ได้ส่งมาถึง EEC โดยจะไม่ขอให้ขยายเวลาส่งมอบหนังสือให้เริ่มงาน (NTP: Notice to Proceed) เกินไปจากวันที่ 31 ก.ค.นี้ 

รวมถึงจะใช้สิทธิเรียกค่าเสียหายจากการดำเนินโครงการล่าช้าเป็นวงเงิน 5,099 ล้านบาทด้วยนั้น  ทาง UTA ไม่ได้บอกว่าจะเลิกสัญญา เพียงแต่ทางเอกชนไม่อยากให้ยืดเวลาการส่งมอบหนังสือออกไปเกินกว่าวันที่ 31 ก.ค.นี้ ซึ่งอีอีซีก็จะรายงานครม.ภายในวันที่ 29 ก.ค.นี้ และไปสู่การเจรจาสัญญาเพิ่มเติมต่อไป

ล่าสุดอีอีซีได้ขอให้ UTA พิจารณาขยายวันที่กำหนดให้เงื่อนไขสำเร็จครบถ้วน จากวันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ออกไปก่อน เพื่อให้นำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบและมอบหมายให้ผู้เกี่ยวข้องได้ดำเนินการให้บริษัท สามารถเริ่มดำเนินโครงการได้ต่อไป

แผนพัฒนาอู่ตะเภา

ทั้งนี้อีอีซีจะเร่งรายงาน เพื่อให้ ครม.รับทราบภายในวันที่ 29 ก.ค.นี้ จะมี 2 เรื่องหลัก ได้แก่

1.รับทราบ ปัญหาอุปสรรค ข้อเท็จจริงทั้งหมดที่เกิดขึ้นภายหลังการลงนามสัญญาร่วมลงทุนโครงการฯ ซึ่งกระทบความเป็นไปได้ทางการเงินของโครงการอย่างร้ายแรง มีผลให้เอกชนคู่สัญญาไม่สามารถดำเนินโครงการฯ ได้ตามสัญญาร่วมลงทุนของโครงการฯ รวมถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นกับภาครัฐ

2. มอบหมายให้ สกพอ. เจรจาเพื่อแก้ไขปัญหาอุปสรรคตามข้อเท็จจริงทั้งหมดบนพื้นฐานความสมเหตุสมผลกับเอกชนคสัญญา เพื่อให้สามารถดำเนินโครงการฯ และการเกิดการลงทุนโครงการได้จริง ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขสัญญาร่วมลงทุน ให้ดำเนินการตามกระบวนการแก้ไขสัญญาร่วมประกาศคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เรื่อง หลักเกณฑ์ วิและกระบวนการ ในการร่วมลงทุนกับเอกชนหรือให้เอกชนเป็นผู้ลงทุน พ.ศ. 2560 (และที่แก้ไขเพิ่มเติม) นายจุฬา กล่าวทิ้งท้าย

ทั้งนี้ที่ผ่านมา อีอีซี ได้เลื่อนการออก NTP แล้วอย่างน้อย 3 ครั้ง ครั้งแรก วันที่ 30 มิ.ย.ครั้งที่สอง 15 ก.ค. และล่าสุด 31 ก.ค.นี้ 

UTA เรียกค่าเสียหายจากการดำเนินโครงการพัฒสนามบินอู่ตะเภา ล่าช้าวงเงิน 5,099,965,442 บาท แบ่งเป็น

1.ค่าใช้จ่ายจากการพัฒนาโครงการ

  • ค่าใช้จ่ายการดำเนินการเพื่อให้เงื่อนไขการให้สิทธิร่วมลงทุนในโครงการฯ แก่ บริษัทฯ สำเร็จ 9,220,163 บาท
  • ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการพัฒนาโครงการฯ ในส่วนงานหลักของสนามบินนานาชาติอู่ตะเภาให้สามารถบรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายของโครงการฯ 2,508,078,908 บาท
  • ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการพัฒนาเมืองการบินภาคตะวันออกให้สามารถบรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายซองโครงการฯ 894,488,351 บาท
  • ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการพัฒนามาตรการสนับสนุนโครงการฯ เพื่อให้สามารถพัฒนาโครงการฯ ได้บรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายของโครงการฯ 179,888,429 บาท
  • ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการดำเนินการส่งเสริมความร่วมมือกับกองทัพเรือเพื่อประโยชน์โครงการฯ ตามมติคณะกรรมการคัดเลือกของโครงการฯ 368,800,000 บาท

2. ค่าเสียหายจากการดำเนินการเพื่อประโยชน์ของโครงการฯตามสัญญาร่วมลงทุน 1,139,489,591 บาท

นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยใ็นฐานะผู้ถือหุ้น บริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด หรือ UTA โดยระบุว่า ขณะนี้ UTA ได้เสนอไปยังอีอีซี เพื่อขอปรับแผนการพัฒนาโครงการท่าอากาศยานอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก โดยเฉพาะในส่วนของท่าอากาศยานอู่ตะเภา ด้วยเนื่องขณะนี้สถานการณ์การเดินทางของผู้โดยสารเปลี่ยนแปลงไป อีกทั้งยังไม่มีความชัดเจนของโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ไฮสปีด) 

UTA ขู่เรียกเสียหาย 5 พันล้าน จี้ออก NTP ลงทุนสนามบินอู่ตะเภา อีอีซีชงครม.เจรจาสัญญา

ทำให้ UTA เสนอขอลดสเกลการลงทุนในระยะที่ 1 รองรับ 3 ล้านคน โดยการปรับลดสเกลการลงทุนนั้น เปลี่ยนไปจากแผนเดิมการพัฒนาระยะที่ 1 จะต้องรองรับผู้โดยสาร 12 ล้านคนต่อปี และหลังจากสถานการณ์โควิด ทำให้ UTA ปรับลดสเกลการลงทุนระยะที่ 1 รองรับผู้โดยสาร 8 ล้านคนต่อปีก่อน

ล่าสุดเมื่อปัจจัยที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งขณะนี้โครงการต้องเดินหน้าโดยไม่มีไฮสปีดเทรน จึงจะทยอยก่อสร้างระยะที่ 1 รองรับผู้โดยสารเพียง 3 ล้านคนต่อปีก่อน จากนั้นหากจำนวนผู้โดยสารเติบโตขึ้นก็จะทยอยลงทุนให้รองรับได้ที่ 6 ล้านคนต่อปี และ 12 ล้านคนต่อปีตามลำดับ

ขณะนี้ได้ส่งแผนนี้ไปยังอีอีซีแล้ว เหลือการพูดคุยในรายละเอียด ส่วนการจะเริ่มตอกเสาเข็มเมื่อไหร่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับการเจรจาเรื่องต่างๆ ให้ได้ข้อสรุปด้วย เช่น การเจรจาเรื่องสิทธิประโยชน์การลงทุนในโครงการเมืองการบิน ขึ้นอยู่กับความชัดเจนของอีอีซี หากจบเราก็พร้อมก่อสร้างได้ทันที เพราะไม่รอไฮสปีดแล้ว และที่ผ่านมา UTA ได้ลงทุนในโครงการนี้ไปแล้วกว่า 4 พันล้านบาท แต่ผ่านมา 5 ปีแล้วก็ยังไม่ได้เข้าไปก่อสร้าง

อนึ่งโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก มูลค่า 290,000 ล้านบาท ที่มีกองทัพเรือ (ทร.) เป็นเจ้าของโครงการ และมี บจ.อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น (UTA) นิติบุคคลที่มีบจ. การบินกรุงเทพ (บางกอกแอร์เวย์ส) บมจ. บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (BTS), และบมจ. ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (STECON) เป็นบริษัทคู่สัญญา