วันนี้(วันที่ 23 มิถุนายน 2568) นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผย" ว่า โครงการ "เที่ยวไทยคนละครึ่ง 2568" จะนำเสนอให้ครม.พิจารณา ในวันที่ 24 มิถุนายน 2568 นี้ หากครม.ไฟเขียว ก็พร้อมจะเปิดให้ประชาชนเข้ามาลงทะเบียนใช้สิทธิ์ต่อไป หลังจากก่อนหน้านี้ททท.ได้เปิดให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวเข้ามาร่วมลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแล้ว
สำหรับโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง กำหนดจำนวนสิทธิไว้ที่ 5 แสนสิทธิ ลดลงจากเดิมที่ตั้งไว้ 1 ล้านสิทธิ เนื่องจากงบประมาณที่วางแผนไว้จะใช้ดำเนินโครงการอยู่ที่ 1,780 ล้านบาท ถูกเกลี่ยไปใช้กับโครงการกระตุ้นตลาดต่างประเทศในส่วนของการสนับสนุนทั้งเที่ยวบินประจำ (Regular Flight) และเที่ยวบินเช่าเหมาลำ (Charter Flight) ทำให้ต้องปรับลดจำนวนสิทธิลง
สำหรับรูปแบบการดำเนินโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง ขณะนี้จัดทำไว้ 2 แบบ ได้แก่
1.รัฐบาลสนับสนุนแบ่งเป็นเที่ยวเมืองหลัก รัฐบาลสมทบให้ 40% ประชาชนจ่ายเอง 60% เที่ยวเมืองรองหรือเมืองน่าเที่ยว รัฐบาลสมทบให้ 50% ประชาชนจ่ายเอง 50%
2.แยกการใช้เดินทางเที่ยววันธรรมดาจันทร์-ศุกร์ รัฐบาลสมทบให้ 50% ประชาชนจ่ายเอง 50% แต่หากเที่ยววันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ รัฐบาลสมทบให้ 40% ประชาชนจ่ายเอง 60%
โดยกำหนดจำนวนสิทธิให้ใช้ได้อยู่ที่ 5 สิทธิหรือคืนต่อคน ใช้จ่ายในโรงแรมที่พักสูงสุดไม่เกิน 3,000 บาทต่อห้องต่อคืน รวมถึงมีคูปองดิจิทัลใช้จ่ายในร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก ร้านค้าโอทอป และแหล่งท่องเที่ยวได้ด้วย
ล่าสุดสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “คนไทยกับการท่องเที่ยวครึ่งปีหลัง 2568” กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 1,189 คน (สำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 17-20 มิถุนายน 2568 มีผลเป็นดังนี้
ขณะที่ นายเทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์” นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) โครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง 2568 จะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงโลว์ซีซัน ตั้งแต่เดือน มิ.ย.-ก.ย.2568 ซึ่งเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติลดลง ซึ่งเรามองว่าผลของโครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” อาจช่วยกระตุ้นรายได้ของกลุ่มธุรกิจโรงแรมได้บ้าง แต่ส่วนใหญ่คาดว่าไม่เกิน 5% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่ไม่มีมาตรการนี้