ทอท.นัด “คิงเพาเวอร์” ถกสัญญาดิวตี้ฟรีพรุ่งนี้ ตั้งคณะกรรมการแก้ปัญหา

16 มิ.ย. 2568 | 09:18 น.
อัปเดตล่าสุด :16 มิ.ย. 2568 | 10:38 น.

ทอท. เคลียร์ปม คิงเพาเวอร์ ส่งหนังสือหารือแนวทาง "ยกเลิกสัญญา" สัมปทานดิวตี้ฟรี 5 สนามบินหลัก ทอท.ตั้งคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญกลั่นกรองใน 60 วัน แก้ไขปัญหา คาดได้ข้อสรุปในอีก 2 เดือน พร้อมนัด “คิงเพาเวอร์” ถกสัญญาในวันพรุ่งนี้

นางสาวปวีณา จริยฐิติพงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายงานวิศวกรรมและการก่อสร้าง และรักษาการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) หรือ ทอท. เปิดเผยว่าการนัดพูดคุยกับคิงเพาเวอร์พรุ่งนี้ (วันที่ 17 มิถุนายน 2568) ช่วงบ่ายเพื่ออยากทราบความคิดเห็นครบถ้วนในเรื่องของสัญญา

ทอท.นัด “คิงเพาเวอร์” ถกสัญญาดิวตี้ฟรีพรุ่งนี้ ตั้งคณะกรรมการแก้ปัญหา

พร้อมชี้บอร์ดอนุมัติว่าควรมีคณะที่ปรึกษากลั่นกรอง การเงิน กฎหมาย ธุรกิจ เพื่อให้เห็นภาพสัญญาให้ชัดเจนมากขึ้น เลือกที่ปรึกษา 2 ราย คาดว่าจะได้ที่ปรึกษาประมาณ 2 อาทิตย์ โดยมีระยะเวลาจ้างในระยะเวลา 2 เดือน จากกรอบเดิมของคิงเพาเวอร์ขีดเส้นภายใน 45 วัน

ทอท. ตั้งคณะกรรมการกลั่นกรอง 60 วัน เพื่อความเป็นกลาง

หลังจากได้รับหนังสือจากคิง เพาเวอร์ เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2568 คณะกรรมการทอท. ได้ให้ความสำคัญและขอแนวทางการดำเนินงานจากฝ่ายบริหาร โดยทอท. จะดำเนินการเบื้องต้นโดยแต่งตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองทางเลือก ทอท. จะตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองเพื่อศึกษาปัญหาและทางเลือกในการแก้ไขปัญหาการประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร คณะกรรมการชุดนี้จะประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย การบริหารธุรกิจ และการเงิน เพื่อดูองค์ประกอบของสัญญาอย่างรอบด้านและเป็นกลาง

จ้างที่ปรึกษาภายนอก 2 รายจากมหาวิทยาลัยชั้นนำ เพื่อให้การวิเคราะห์เป็นกลางและปราศจากข้อกังขา AOT มีแนวคิดที่จะจ้างที่ปรึกษาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำอย่างน้อย 2 ราย เข้ามาช่วยวิเคราะห์สถานการณ์และผลกระทบอย่างเป็นกลาง

จัดประชุมหารือกับ คิงเพาเวอร์ อย่างเร่งด่วน ทอท. ได้นัดประชุมกับคิง เพาเวอร์ ในช่วงบ่ายของวันที่ 17 มิถุนายน 2568 เพื่อรับทราบความคิดเห็นเพิ่มเติมในรายละเอียดที่ชัดเจนขึ้นจากหนังสือที่ส่งมา และหารือถึงแนวทางการแก้ไขสัญญาให้เกิดความเป็นธรรม กระบวนการศึกษาและกลั่นกรองทั้งหมดจะใช้ระยะเวลาดำเนินการประมาณ 60 วัน หรือภายในเดือนสิงหาคม 2568

นอกจากนี้นางสาวปวีณา จริยฐิติพงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายงานวิศวกรรมและการก่อสร้าง และรักษาการผู้อำนวยการใหญ่ AOT เปิดเผยว่า การส่งหนังสือของคิง เพาเวอร์ มีเนื้อหาหลักๆ 7 ข้อ ที่สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงของบริบททางธุรกิจและปัจจัยภายนอกที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัท ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของสัญญาจนถึงปัจจุบัน

7 ข้อเรียกร้องจาก King Power สะท้อนบริบทธุรกิจที่เปลี่ยนไป เนื้อหาสำคัญ 7 ข้อในหนังสือทั้ง 3 ฉบับ (ซึ่งเกี่ยวข้องกับสัญญา 3 ฉบับของคิง เพาเวอร์) ได้แก่

  1. นโยบายภาครัฐให้หยุดดำเนินการร้านค้าปลอดอากรขาเข้า คิงเพาเวอร์ระบุว่าสัญญาได้เปลี่ยนแปลงไปจากบริบทเดิม เนื่องจากนโยบายภาครัฐที่ขอให้ยุติการดำเนินการร้านค้าปลอดอากรขาเข้า
  2. การลดภาษีสินค้าประเภทไวน์ ส่งผลให้ยอดขายสินค้าประเภทแอลกอฮอล์เปลี่ยนแปลงไปจากที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งเป็นผลจากนโยบายภาครัฐที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
  3. การขอคืนพื้นที่ประกอบกิจการของ AOT ทอท. มีแนวคิดที่จะยกระดับสนามบินสุวรรณภูมิให้กลับมามีอันดับที่ดีขึ้นในระดับโลก จากเดิมที่เคยอยู่อันดับ 70 กว่าๆ โดยพบว่าพื้นที่บริการผู้โดยสารไม่เพียงพอ ทำให้ผู้โดยสารต้องยืนรอหรือแม้กระทั่งนั่งกับพื้น ทอท. จึงมีมติให้ขอคืนพื้นที่บางส่วนเพื่อปรับปรุงเป็นพื้นที่บริการผู้โดยสารมากขึ้น
  4. มาตรการเชิงรุกที่ทำให้นักท่องเที่ยวชาวจีนลดลง คิงเพาเวอร์ชี้ว่านี่เป็นเทรนด์โลกที่จีนส่งเสริมให้ประชากรท่องเที่ยวภายในประเทศมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางออกนอกประเทศ รวมถึงประเทศไทย สถานการณ์ภายในประเทศไทยส่งผลลบต่อนักท่องเที่ยวและผู้โดยสาร ประเด็นเรื่องความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวที่ปรากฏเป็นข่าว ได้ส่งผลกระทบในทางลบ ซึ่งแม้ภาครัฐจะพยายามแก้ไขและเสริมสร้างความมั่นใจ แต่ยังคงเป็นปัจจัยที่คิง เพาเวอร์หยิบยกขึ้นมา
  5. การแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นเหตุสุดวิสัยที่ทำให้ผู้ใช้บริการท่าอากาศยานของ AOT เท่ากับศูนย์ในช่วงเวลาหนึ่ง และนโยบายการเดินทางของแต่ละประเทศก็แตกต่างกันไป ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยว, ผู้โดยสาร และโปรไฟล์ของสนามบินต่างๆ รวมถึงสนามบินทั้ง 6 แห่งของ AOT เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
  6. สถานการณ์สงครามและการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ปัจจัยเหล่านี้เป็นอุปสรรคต่อเศรษฐกิจและการเดินทางของผู้โดยสารทั่วโลก
  7. ในหนังสือของคิง เพาเวอร์ ยังระบุด้วยว่าที่ผ่านมา ทอท. ได้มีการวิเคราะห์และพิจารณาในมุมของ ทอท. เพียงเท่านั้น โดยไม่ได้นำบริบทต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาวิเคราะห์อย่างแท้จริง จึงขอให้ ทอท. วิเคราะห์ใหม่และขอเจรจาเพื่อความเป็นธรรม

ทอท.นัด “คิงเพาเวอร์” ถกสัญญาดิวตี้ฟรีพรุ่งนี้ ตั้งคณะกรรมการแก้ปัญหา

รายได้ ทอท. 17% ผูกกับ คิงเพาเวอร์

การเจรจาครั้งนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่ทุกฝ่ายให้ความสนใจ เนื่องจากรายได้ของคิงเพาเวอร์มีสัดส่วนสำคัญต่อ ทอท. โดยคิดเป็น 17% ของรายได้ทั้งหมดของ ทอท. ซึ่งอยู่ที่ 63,000 ล้านบาท การเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขสัญญาหรือการยกเลิกสัญญาจึงอาจส่งผลกระทบต่อรายได้ของ ทอท. อย่างมีนัยสำคัญ แต่นางสาวปวีณา เล่าต่อว่า ทาง ทอท. ยังมีรายได้จาก 2 ช่องทางหลักอีกกว่า 83% นอกจากนี้ผู้โดยสารทั้งหมดจำนวน 79.62 ล้านคน จากเป้าหมายเดิม 120 ล้านคน ถ้าเทียบกับปีที่แล้วเพิ่ม 16.7% จำนวนเที่ยวบิน 4.8 แสนเที่ยว เที่ยวบินเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 12.1%

ปัจจุบันได้คุยกับทางคิงเพาเวอร์เบื้องต้นว่าต้องดำเนินตามทางสัญญากันไปก่อน ปัจจุบันก็ต้องดำเนินการจากเงื่อนไขอื่น ส่วนรายอื่น ๆ ที่เป็นตัวสัญญาของ ทอท. มีเกือบ 1,000 สัญญากับรายค้าอื่น ๆ มองว่าถ้าคิงเพาเวอร์ทำได้แต่ร้านค้ารายอื่น ๆ อาจจะมีการได้พูดคุยกันไปหมดแล้วเลยไม่ได้กังวล