วันนี้ (วันที่ 4 มิถุนายน 2568) เวลา 09.00 น. ศาลล้มละลายกลางนัดไต่สวนคำร้องการบินไทยขอออกจากแผนฟื้นฟูกิจการ
นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟู บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าวันที่ 4 มิ.ย.นี้ เวลา 09.00 ศาลล้มละลายกลาง ได้นัดไต่สวนคำร้องของการบินไทย หลังจากได้ยื่นคำร้อง เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งยกเลิกการฟื้นฟูกิจการไปเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา
ส่วนคำวินิจฉัยจะออกเมื่อใดนั้นยังไม่สามารถคาดได้ หลังจากศาลมีคำสั่งให้การบินไทยออกจากแผนฟื้นฟู
จากนั้นจะมีการประชุมคณะกรรมการบริหาร (บอร์ดการบินไทย) ชุดใหม่ 11 คน เพื่อเลือกประธานกรรมการ และแต่งตั้งกรรมการตรวจสอบ
หลังจากนั้นก็จะมีเข้าสู่ขั้นตอนการกลับเข้าไปซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ต่อไป ตามข้อกำหนดของกลต. เพื่อกลับเข้ามาเทรดอีกครั้ง ซึ่งคาดว่าจะกลับมาซื้อขายหุ้นได้ในเดือนกรกฏาคมนี้
ปัจจุบันเป็นระยะเวลากว่า 5 ปีแล้วที่การบินไทยเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ อีกไม่นานศาลก็น่าจะอนุมัติให้ออกจากแผน และหลังจากนั้นองค์กรจะกลับไปทำธุรกิจเหมือนเดิม แต่เข้มแข็งหลังผ่านพ้นวิกฤตต่างๆ มาแล้ว ซึ่งผลของการเดินหน้าฟื้นฟูกิจการ ความร่วมมือของทุกคนในองค์กรที่ทำให้การบินไทยลดค่าใช้จ่าย และหารายได้มากขึ้น
ทำให้ขณะนี้การบินไทยมีเงินสดในมือสะสมอยู่กว่า 1.28 แสนล้านบาท จากก่อนเข้าฟื้นฟูเผชิญภาวะขาดทุนต่อเนื่องสะสมถึง 6.6 หมื่นล้านบาท
นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เผยว่าการยื่นคำร้องขอเลิกแผนฟื้นฟูกิจการต่อศาลฯ เป็นไปตามการบรรลุผลในการดำเนินการสำเร็จครบทุกข้อ ซึ่งมีรายละเอียดของการดำเนินการสำคัญ 4 ประการ ได้แก่
ประการที่ 1 จดทะเบียนเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ เพื่อรองรับการปรับโครงสร้างทุน โดยเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2565 บริษัทฯ ได้ดำเนินการจดทะเบียนเพิ่มทุนจดทะเบียนต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เพื่อรองรับการปรับโครงสร้างทุนตามที่กำหนดในข้อ 5.6 ของแผนฟื้นฟูกิจการ
ประการที่ 2 ดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการ โดยไม่เกิดเหตุผิดนัด บริษัทฯ ยืนยันว่าตั้งแต่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟูกิจการ จนถึงปัจจุบัน บริษัทฯ ได้ดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการโดยไม่เกิดเหตุผิดนัดใด
ประการที่ 3 บริษัทฯ มีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จากการดำเนินงานหลังหักเงินสดสำรองตามสัญญาเช่าเครื่องบิน ในช่วง 12 เดือนก่อนที่จะยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายกลาง ไม่น้อยกว่า 20,000 ล้านบาท และมีส่วนของผู้ถือหุ้นตามงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทฯ เป็นบวก
โดยส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ตามที่ปรากฏในงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทฯ ฉบับตรวจสอบสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2567 มีจำนวน 45,495 ล้านบาท
ประการที่ 4 มีการแต่งตั้งกรรมการใหม่ ภายหลังจากมีการปรับโครงสร้างทุนตามแผนฟื้นฟูกิจการ เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2568 ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2568 ซึ่งเป็นการประชุมผู้ถือหุ้นที่จัดขึ้นตามข้อกำหนดของแผนฟื้นฟูกิจการ และเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2568 บริษัทฯ ได้ดำเนินการจดทะเบียนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงในเรื่องดังกล่าวกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว