นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จํากัด (มหาชน) หรือ AWC เปิดเผยว่า แม้ในขณะนี้ประเทศไทยจะมีสารพัดปัจจัยท้าทาย ที่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว ทั้งเศรษฐกิจโลกผันผวน การชลอตัวของนักท่องเที่ยวจีน แผ่นดินไหว รวมถึงปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์ บริษัทก็ยังพร้อมเดินหน้าธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยพยายามหาจุดที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาในไทย พร้อมกับสร้างความเชื่อมั่น สร้างบรรยากาศที่ดีในการท่องเที่ยว
"AWC ยังคงเดินหน้าตามแผนยุทธศาสตร์ ด้วยโครงสร้างธุรกิจที่แข็งแกร่ง มุ่งเน้นตลาดที่มีศักยภาพสูง และการร่วมมือกับพันธมิตรเครือโรงแรมชั้นนำระดับโลกที่มีเครือข่ายนักท่องเที่ยวคุณภาพกว่า 650 ล้านคนทั่วโลก และการกระจายกลุ่มลูกค้าหลากหลาย ด้วยกลยุทธ์การกระจายความเสี่ยงและบริหารจัดการผลกระทบอย่างเป็นระบบ สามารถเสริมผลตอบแทนของบริษัทให้เติบโตอย่างยั่งยืน"
ขณะเดียวกัน บริษัทยังให้ความสำคัญสูงสุดกับมาตรฐานความปลอดภัย โดยเหตุแผ่นดินไหวเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา บริษัทสามารถดำเนินการตรวจสอบโครงสร้างอาคารทุกโครงการในพื้นที่แผ่นดินไหวอย่างรวดเร็ว และได้รับการรับรองมาตรฐาน 3 ระดับทั้งจากวิศวกรภายใน พันธมิตร และหน่วยงานตรวจสอบอาคารอิสระ ทำให้สามารถสร้างความมั่นใจในความปลอดภัย และได้รับความไว้วางใจจากพันธมิตรและลูกค้าที่มีต่อทรัพย์สินในเครือ AWC
นายไพฑูรย์ วงศาสุทธิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานกลยุทธ์การลงทุน AWC กล่าวว่า ปีนี้บริษัทยังเดินหน้าลงทุนตามแผนเดิม ใช้เงินลงทุน 1 แสนล้านบาท ใน 5 ปี (2568-2572) หรือลงทุนปีละ 20,000 ล้านบาท แต่ถ้าสถานการณ์เศรษฐกิจโลก มีความผันผวน ก็จะใช้กลยุทธ์การลงทุนปรับตัวตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป
เช่น ชะลอลงทุนโครงการขนาดเล็ก และดำเนินการต่อเนื่องสำหรับโครงการใหญ่ที่พัฒนามาก่อนแล้ว รวมทั้งมองหาโอกาสใหม่ขยายการลงทุนเพิ่ม อย่าง การซื้อโครงการเข้ามาปรับปรุง เพื่อยกระดับสินทรัพย์ให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้น ตาม กลยุทธ์ Growth-Led Strategy ที่มุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืนในทุกกลุ่มธุรกิจ ด้วยการเร่งพัฒนาแปลงทรัพย์สินที่อยู่ระหว่างการพัฒนาให้เป็นทรัพย์สินดำเนินงาน และการเร่งผลักดันศักยภาพของทรัพย์สิน (Asset Stage Movement) เพื่อสร้างกระแสเงินสดที่มั่นคงและยั่งยืน
การลงทุนไม่ได้เป็นปัญหา เนื่องจากบริษัทได้เตรียมวงเงินจากสถาบันการเงินที่เรามีอยู่แล้วในปัจจุบัน ซึ่งเตรียมไว้สูงกว่างบประมาณในการลงทุนไว้สูงกว่า 3.4 เท่า เพราะถ้ามีดีลที่น่าสนใจ หรือ การลงทุนต่างๆเกิดขึ้น ก็สามารถดำเนินการได้ทันที
โดยในปีนี้เตรียมจะเปิดอีก 3 โครงการใหม่ โรงแรม พัทยา แมริออท รีสอร์ต แอนด์ สปา ,โรงแรม แฟร์มอนท์ แบงคอก สุขุมวิท และ Jurassic World: The Experience ที่เอเชียทีค เดอะริเวอร์ ฟร้อนท์ คาดว่าจะเปิดในกลางเดือนก.ค.นี้ ส่วนปี 2569 จะเปิดบริการโรงแรม พลาซ่า แอทธินี นิวยอร์ก เพิ่มเติมจากในช่วงไตรมาส 1 ปีนี้ ที่เปิดให้บริการ โรงแรมมีเลีย พัทยา ,คลับ อินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่
พร้อมเดินหน้าผลักดันการเพิ่มมูลค่าทรัพย์สิน ทะลุ 3 แสนล้านบาทในปี 2572 จากมูลค่าสินทรัพย์รวม (Gross Asset Value) ในพอร์ตโฟลิโอโต สิ้นไตรมาส 1 ปี 2568 ที่ 209,374 ล้านบาท และในปี 2568 AWC ยังคงตั้งเป้าหมายการเติบโตในตัวเลข 2 หลัก
เนื่องจากแม้นักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยจะลดลง แต่โรงแรมก็มีนักท่องเที่ยวจากชาติอื่นเข้ามาทดแทน โดยจากเดิมโรงแรมมีสัดส่วนนักท่องเที่ยวจีน 13% ก็ลดลงเล็กน้อยเหลือ 10% แต่มีสัดส่วนนักท่องเที่ยวชาติอื่น เช่นสหรัฐ เพิ่มจาก 12% ขึ้นมาเป็น 13% เป็นต้น
ขณะที่ นายชยานนท์ หอพัตราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน AWC เปิดเผยว่า ในไตรมาสแรกของปีนี้ AWC มีกำไรสุทธิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,960 ล้านบาท เติบโต 23% จากปีก่อน บริษัทฯ มีรายได้จากธุรกิจโรงแรมอยู่ที่ 3,640 ล้านบาท เติบโต 9% จากปีก่อน มีรายได้ต่อห้อง (RevPar) เติบโต 8% จากปีก่อน อยู่ที่ 5,075 บาท สูงกว่าการเติบโตเฉลี่ยของตลาดที่ 2% และยังสูงกว่าระดับปี 2562 ถึง 27% ขณะเดียวกัน กำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของโรงแรมอยู่ที่ 1,490 ล้านบาท ในไตรมาสแรก เพิ่มขึ้น 7% จากปีก่อน
ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2/68 คาดเติบโตต่อเนื่อง โดยในเดือนเม.ย.ยังเห็น ADR (อัตราค่าห้องพักเฉลี่ยต่อห้องต่อคืน) เติบโตขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากการปรับปรุงเพิ่มมูลค่าให้กับทรัพย์สินที่มีอยู่ ขณะที่ในแง่ของรายได้รวมยังเห็นการเติบโตในระดับใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง
ทั้งนี้ ในไตรมาส 2/68 บริษัทจะเริ่มรับรู้รายได้จากโรงแรม มีเลีย พัทยา ซึ่งเป็นโรงแรมใหม่เข้าไปลงทุนเมื่อไตรมาส 1/68 และบริษัทมีแผนเปิดให้บริการโรงแรมใหม่เพิ่ม 1 โรงแรม คือโรงแรมพัทยา แมริออท รีสอร์ท แอนด์ สปา โดยจะเปิดให้บริการภายในมิ.ย.และในช่วงปลายปีนี้จะเปิดให้บริการโรงแรม แฟร์มอนท์ แบงคอก สุขุมวิท ซึ่งการเปิดให้บริการโรงแรมใหม่ๆ นี้ จะช่วยเข้ามาเสริมการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
สำหรับยอดจองห้องพักล่วงหน้าในกลุ่มโรงแรมของ AWC บริษัทยังคงเห็นยอดจองห้องพักในช่วงที่เหลือของปี 68 เติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่เป็นการเติบโตแบบชะลอตัว เนื่องจากมีปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้เข้ามากระทบ เช่นเหตุการณ์แผ่นดินไหว ภาวะเศรษฐกิจโลก สงครามการค้า