จากการแข่งขันของธุรกิจโรงแรมในพัทยาที่เพิ่มสูง การดึงเชนจากต่างประเทศเข้ามาบริหาร เป็นอีกหนึ่งกลยุทธในการยกระดับมาตรฐานโรงแรมไทย นี่เองจึงทำให้ เดอะ แซงชัวรี รีสอร์ท พัทยา ได้ดึงเชนเบสท์ เวสเทิร์น เข้ามาบริหาร พร้อมได้นำแบรนด์ บี ดับเบิลยู ซิกเนเจอร์ คอลเลคชั่น เข้ามาปักธงธุรกิจโรงแรมเป็นแห่งแรกในเมืองพัทยา
นายเสกสรร สุขเจริญ ผู้จัดการทั่วไป เดอะ แซงชัวรี รีสอร์ท พัทยา, บี ดับเบิลยู ซิกเนเจอร์ คอลเลคชั่น เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า ปัจจุบันต้องยอมรับว่าการแข่งขันของธุรกิจโรงแรมในพัทยาเพิ่มขึ้นมาก โดยเฉพาะเมื่อมีโรงแรมที่ไม่ได้จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายเข้ามาเป็นคู่แข่ง รวมถึงการเกิดขึ้นมากมายของโรงแรมในพัทยา การปรับตัว และการหากลยุทธ์ที่แตกต่างจึงเป็นสิ่งจำเป็น
ดังนั้นเพื่อเป็นการยกระดับธุรกิจโรงแรม ทางรีสอร์ทจึงรีแบรนด์มาใช้แบรนด์ บี ดับเบิลยู ซิกเนเจอร์ คอลเลคชั่น จากประเทศสหรัฐอเมริกา และได้ปรับโฉมพร้อมวางตำแหน่งทางการตลาด มุ่งเจาะกลุ่มครอบครัวและคู่รัก พร้อมวางแผนที่จะเปิดให้บริการรองรับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในอนาคต
เนื่องจากจุดแข็งของ เบสท์ เวสเทิร์นที่ทำงานมานานแล้ว มีฐานความรู้และมีกลุ่มลูกค้าที่สามารถช่วยเหลือธุรกิจโรงแรมได้ และมีมาตรฐานเป็นสิ่งสำคัญมากกว่า ซึ่งถ้าเกิดมาตรฐานไม่ดี ลูกค้าก็จะไม่เข้า การที่มีทีม QA เข้ามาช่วยเราดูแล ทำให้เกิดการทำงานเป็นทีมและยกระดับมาตรฐานของรีสอร์ท
หลังจากเชนเบสท์ เวสเทิร์น เข้ามาบริหาร ก็มีการรีโนเวทห้องพักใหม่ ยกระดับการบริการให้เป็นไปตามมาตรฐานของเบสท์ เวสเทิร์น โดยได้วางตำแหน่งทางการตลาด (Positioning) ที่ชัดเจนในการมุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าแฟมิลี่และคู่รัก (Family & Couple)
โดยมอบประสบการณ์การพักผ่อนที่เงียบสงบ เพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และใช้เวลาเดินถึงหน้าหาดเพียง 2 นาที ซึ่งหาดที่นี่ชื่อหาดยินยอม เป็นเสมือนหาดลับที่น้ำยังสะอาด คนไม่พลุกพล่าน
สำหรับกลุ่มลูกค้าหลักของรีสอร์ทจะเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นหลัก โดยเฉพาะจากรัสเซีย จีน และอินเดีย ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนราว 70% ขณะที่นักท่องเที่ยวชาวไทยอยู่ที่ประมาณ 30%
แต่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ เรามีห้องพักราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 2,500 บาทไปจนถึง 10,000 บาท สำหรับห้องแฟมิลี่สวีท ที่มีหนึ่งห้องนอน หนึ่งห้องนั่งเล่น มีเตียงสองชั้นสำหรับเด็ก
ห้องพักส่วนใหญ่เห็นวิวทะเล ระเบียงกว้าง และมีห้องน้ำขนาดใหญ่ มีสระว่ายน้ำแบบอินฟินิตี้บนชั้น 9 มองเห็นวิวทะเลอ่าวไทยแบบพาโนรามา และมีบาร์บนชั้นดาดฟ้า ลูกค้าที่เข้าพักจะเน้นมาเพื่อการพักผ่อนเป็นหลัก รวมถึงรีสอร์ทจะเน้นการจัดกิจกรรมให้สอดคล้องกับตลาด
ไม่ว่าจะเป็นการมีคิดส์คลับ การจัดกิจกรรมปาร์ตี้โฟมทุกวันเสาร์ การชูจุดขายในเรื่องของห้องอาหารที่มีอควาเรียมขนาดใหญ่ ซึ่งเด็กๆชอบมาดูปลานีโม ปลาฉลามในอควาเรียม ก็ทำให้ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวมากขึ้น
นายเสกสรร ยังกล่าวต่อถึงภาพรวมการท่องเที่ยวในพัทยาว่า หากไม่มีวิกฤตเศรษฐกิจ พัทยาจะฟื้นตัวได้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้จะต้องใช้เวลา เนื่องจากหลังโควิด-19 การตลาดของโรงแรมและตัวแทนท่องเที่ยวเปลี่ยนไปมาก บางรายเปลี่ยนธุรกิจไปเลย ขณะที่มีผู้ประกอบการรุ่นใหม่เข้ามาแทน
ปัจจุบันเรามีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 70% โดยในช่วงไฮซีซั่นสูงถึง 90% ทางรีสอร์ทตั้งเป้าให้อัตราการเข้าพักเฉลี่ยในปีนี้เพิ่มขึ้นอีก 10% เป็นประมาณ 80% ซึ่งใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดโควิด-19
ไม่เพียงรีสอร์ทจะมุ่งเน้นเรื่องผลประกอบการเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับความยั่งยืนตามนโยบายของเบสท์ เวสเทิร์น เช่น การใช้ไข่จากแหล่งที่แม่ไก่ถูกเลี้ยงโดยอิสระ (Cage-free eggs) แม้จะมีต้นทุนเพิ่มขึ้น รวมถึงการมุ่งเน้นการใช้วัสดุจากธรรมชาติ หรือการนำวัสดุกลับมาใช้ใหม่ และรีสอร์ทยังจัดกิจกรรมที่คืนประโยชน์สู่สังคม เช่น การทำความสะอาดชายหาด
กิจกรรมช่วยเหลือเด็กและผู้สูงอายุ โดยส่วนหนึ่งของรายได้จะถูกนำไปสนับสนุนกิจกรรมเหล่านี้ เพราะเมื่อเรามีรายได้แน่นอนเราต้องจ่ายคืนให้กับสังคมบ้าง ให้เขาได้มีความสุขร่วมไปกับเรา นั่นคือหลักการที่เราให้ความสำคัญ ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการของโลกที่ให้ความสนใจเรื่องสิ่งแวดล้อมและการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนด้วยนั่นเอง