นายสุพรรณ เศษธะพานิช กรรมการและผู้บริหาร บริษัท สยาม เอสเตท ดาราเทวี จำกัด เผยว่าโรงแรมดาราเทวี เชียงใหม่ ปัจจุบันเป็นของบริษัทสยามเอสเตท ดาราเทวี ซึ่งเป็น JV ระหว่างบริษัท สยามเอสเตท กับ บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เทอมอล พาวเวอร์ หรือ IThermal ซึ่งเป็นบริษัทลูกของบริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น หรือ IFCT ในสัดส่วน 60 : 40 เนื่องจากได้ประมูลโรงแรมมาในส่วนของที่ดิน 80 ไร่ ในราคา 2,400 ล้านบาทประมาณปลายปี 2567 และโอนที่ดินได้ในราวกลางปี 2567
ส่วนกรณีไฟไหม้โรงแรมดาราเทวี เชียงใหม่ เมื่อเวลา 02.00 น. ของวันที่ 23 เม.ย. 2568 ขอยืนยันอีกครั้งว่าโรงแรมดาราเทวี ไม่ได้ไหม้เสียหายทั้งหมด เสียหายเฉพาะอาคารสปาเท่านั้น คิดเป็นสัดส่วนไม่ถึง 5% ของพื้นที่โรงแรม และแทบไม่มีผลต่อมูลค่าทางธุรกิจเลย
แม้เหตุการณ์ไฟไหม้โรงแรมดาราเทวี เชียงใหม่ ยังอยู่ในกระบวนการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ แต่ผมมีความเชื่อว่าเป็น "เรื่องผิดธรรมชาติ" เนื่องจากบริเวณที่เกิดเหตุเป็นอาคารที่ไม่ได้ใช้งานมากว่า 6-7 ปีแล้ว และไม่มีกระแสไฟฟ้าภายในอาคาร มีการใช้ไฟเฉพาะแสงสว่างบริเวณด้านหน้าอาคารเท่านั้น
"ผมคิดว่าสิ่งเหล่านี้มันผิดธรรมชาติ บริเวณที่เกิดเพลิงไหม้เรามีแค่ไฟแสงสว่าง ส่วนต้นเพลิงอยู่บริเวณอาคารสปา ซึ่งเป็นพื้นซีเมนต์บอร์ดโครงเหล็ก มีไม้เนื้อแข็งเป็นเสาและพื้นบางส่วน โอกาสที่จะเกิดไฟฟ้าลัดวงจรจากไฟแสงสว่างน้อยมาก และมีการติดตั้งเบรกเกอร์ควบคุมระบบแล้ว ถึงแม้จะไม่ผ่านตู้คอนโทรลไฟ ต้นเพลิงจากสถานที่นี้จึงไม่น่าเป็นไปได้ที่จะเกิดเพลิงไหม้โดยธรรมชาติ "
นายสุพรรณ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้พยานในพื้นที่ซึ่งเป็นชาวบ้านแถวนั้นได้ให้ข้อมูลว่า ได้ยินเสียงระเบิดติดต่อกันถึง 10 ครั้ง ซึ่งผมมองว่าเป็นเรื่องแปลกอย่างยิ่ง เพราะในพื้นที่ไม่น่าจะมีวัสดุหรือเครื่องมือใดที่ทำให้เกิดเสียงระเบิดได้
นายสุพรรณ ยังกล่าวต่อว่า ตั้งแต่ทาง สยาม เอสเตท เข้ามาบริหารพื้นที่โรงแรมดาราเทวี ทางกลุ่มได้เจอขบวนการที่พยายามทำลายชื่อเสียงในหลายมิติ โดยเฉพาะขบวนการให้ข่าวและการให้ร้าย นอกจากการให้ข่าวในทางเสื่อมเสีย ถูกกลั่นแกล้ง โดยใช้เทคนิคทางกฎหมาย
โดยปัจจุบันมีการฟ้องร้องแล้วกว่า 20 คดี เชื่อมโยงอยู่ภายใต้การบงการของบุคคลเดียว ซึ่งเป็นผู้เสียผลประโยชน์ หรืออยากได้ประโยชน์ในทางที่ไม่พึงชอบจากการเข้ามาบริหารโรงแรมดาราเทวี โดยได้มอบหลักฐานและข้อเท็จจริงทั้งหมดให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจไปหมดแล้ว
"หลังเกิดเหตุไฟไหม้ มีความพยายามบิดเบือนว่าเราเป็นคนวางเพลิงเพื่อเอาเงินประกัน แต่ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้ชี้แจงชัดเจนแล้วว่าเราไม่ได้ทำประกันภัย จากนั้นก็มีการบิดเบือนต่อว่าเราบริหารจัดการระบบสาธารณูปโภคไม่ได้มาตรฐาน ทั้งที่โอกาสเกิดไฟไหม้จากสาเหตุดังกล่าวโดยธรรมชาติมีน้อยมาก" สุพรรณกล่าว
ไฟไหม้ที่เกิดขั้น กระทบต่อความเชื่อมั่นและการท่องเที่ยวอย่างมาก รวมถึงทำให้ต้องเลื่อนการจัดงาน "กาดดาราเทวี" ออกไป เราในฐานะผู้บริหารพยายามทำดีที่สุดเพื่อเป็นประโยชน์กับธุรกิจ ชุมชน และคนเมืองเชียงใหม่ และแม้จะเจอปัญหา แต่เรายืนยันว่าจะเดินหน้าพัฒนาโรงแรมดาราเทวีต่อไป โดยมองว่าโรงแรมดาราเทวีเป็นมรดกของจังหวัดเชียงใหม่และอาจเป็นมรดกของชาติที่มีคุณค่าอย่างมาก
"เจตนาของเราตั้งแต่เข้ามาบริหารโรงแรมดาราเทวี คือการพัฒนาพื้นที่ให้เชื่อมโยงกับสังคมและชุมชนมากขึ้น นี่เป็นที่มาของโครงการ 'กาดดาราเทวี' ที่เปิดให้คนเชียงใหม่เข้ามาชื่นชมอารยะธรรมเหล่านี้ เราจะมีร้านอาหาร และจัดอีเวนต์ประจำ ซึ่งเป็นโอกาสของคนเชียงใหม่ที่จะได้มาชื่นชมสถานที่สวยงามแห่งนี้ และกลุ่มคนที่ได้รับความสำคัญมากที่สุดคือชุมชนรอบข้าง โดยกาดดาราเทวี เราให้ชาวบ้านเข้ามาวางของขาย เข้ามาแสดงศิลปหัตถกรรม รวมถึงการเปิดคอร์สสอนด้วย เรายืนยันเจตนารมณ์ว่าส่วนหนึ่งของโรงแรมดาราเทวีต้องเป็นประโยชน์กับชุมชน" สุพรรณกล่าว
สำหรับแผนระยะยาว จะมุ่งเน้นการรีโนเวทโรงแรม และคืนความเป็นโรงแรมกลับให้เชียงใหม่ โดยเชื่อว่าโรงแรมในลักษณะดาราเทวีนั้นหายากในประเทศไทย นอกจากการคืนความสวยงามให้กับพื้นถิ่นและชุมชนแล้ว ในเชิงธุรกิจ ผมขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวที่อยากจะเข้ามาเห็นความวิจิตรของที่พักและโรงแรมลักษณะนี้ ภายในปีนี้ผมคิดว่าคงจะทยอยเปิดโรงแรมได้
ส่วนกรณีผู้ถือหุ้นที่เคยมีปัญหากับ IFEC ภายใต้การนำของคนกลุ่มหนึ่ง ต้องถามว่า "ทำเพื่อผลประโยชน์ของใครกันแน่" พร้อมชี้ให้เห็นว่าบริษัทไอเฟล (ที่เกี่ยวข้องกับกรณีนี้ได้ถูกเพิกถอนจากตลาดหลักทรัพย์แล้ว และผู้ถือหุ้นรายย่อยส่วนใหญ่ได้ขายหุ้นออกไปหมดแล้ว
ผมไม่เชื่อว่าผู้ถือหุ้นของวันนี้ IFEC กับ 6-7 ปีที่แล้วเป็นกลุ่มเดียวกัน ที่เหลืออยู่คงไม่มากแล้ว ส่วนกลุ่มเจ้าหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากการเข้าฟื้นฟูหรือการล้มละลายของไอเฟล ตามที่ทราบคือได้รับการชำระหนี้ตามแผนฟื้นฟูและทยอยได้รับการชำระอยู่ นายสุพรรณ กล่าวทิ้งท้าย