วันนี้ (วันที่ 23 เมษายน 2568) ในการประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ทอท. หรือ AOT ครั้งที่ 5/2568 บอร์ดทอท. รับทราบการลาออกของ นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ทอท. โดยระบุว่าตามสัญญาจ้างผู้บริหาร ฉบับลงวันที่ 21 มี.ค.2566 โดยมีเหตุอันสมควรเนื่องจากมีความจำเป็นต้องดูแลบิดาและมารดา ซึ่งเจ็บป่วยด้วยโรคชรา
รวมทั้งการลาออกจากการดำรงดำแหน่งกรรมการ ทอท. การดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการชุดย่อย และคณะอนุกรรมการที่สนับสนุนการปฏิบัติงานของคณะกรรมการ ทอท.ทุกชุดที่ดำรงตำแหน่งในฐานะกรรมการ ทอท. โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 24 เมษายน 2568 เป็นต้นไป
อีกทั้งบอร์ดทอท.ยังได้พิจารณาวาระลับเรื่องการแต่งตั้งรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. แทนนายกีรติ กิจมานะวัฒน์ โดยบอร์ดได้ แต่งตั้งให้ น.ส.ปวีณา จริยฐิติพงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายงานวิศวกรรมและการก่อสร้าง รักษาการในตำแหน่ง ผอญ.ทอท. มีผลตั้งแต่วันที่ 24 เม.ย.68 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีการแต่งตั้ง ผอญ.ทอท. คนใหม่
โดยให้รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายงานวิศวกรรมและการก่อสร้าง มีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับ ทอท. ข้อ 54 รวมทั้งปฏิบัติหน้าที่อื่น ๆ ตามกฎหมาย ข้อบังคับของ ทอท. กฎ ระเบียบ คำสั่ง ข้อกำหนด มติคณะกรรมการ ทอท. คำสั่ง หรือหลักเกณฑ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งกำหนดไว้ไว้ให้เป็นอำนาจหน้าที่ของกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ และปฏิบัติหน้าที่เลขานุการคณะกรรมการ ทอท.อีกตำแหน่งหนึ่ง
นอกจากนี้บอร์ดทอท.ยังมอบอำนาจให้ประธานกรรมการ ทอท.พิจารณาแต่งตั้งกรรมการ ทอท.ดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการชุดย่อย และคณะอนุกรรมการที่สนับสนุนการปฏิบัติงานของคณะกรรมการ ทอท. แทนนายกีรติ กิจมานะวัฒน์ ที่เคยดำรงตำแหน่งในฐานะกรรมการ ทอท. และในฐานะ กอญ. ดังนี้
รวมไปถึงให้ฝ่ายบริหาร ทอท.เร่งรัดการสรรหากรรมการผู้อำนวยการใหญ่ทอท.คนใหม่ให้แล้วเสร็จโดยเร็วต่อไป
ด้านบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) แจ้งว่า ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ AOT ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งแล้ว โดยมีผลในวันที่ 24 เมษายน 2568 ด้วยสาเหตุมีความจำเป็นต้องดูแลบิดาและมารดาซึ่งเจ็บป่วยด้วยโรคชรา ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสูงสุดในช่วงเวลานี้
การก้าวลงจากตำแหน่งของ ดร.กีรติ ถือเป็นการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญ อย่างไรก็ตาม AOT จะยังคงต่อยอดนโยบายการยกระดับมาตรฐานการให้บริการสนามบินในฐานะศูนย์กลางการบินระดับภูมิภาคและระดับโลกต่อไป
ภายใต้การบริหารงานของ ดร.กีรติ ที่มุ่งมั่นพัฒนายกระดับสนามบินไทยไปสู่ศูนย์กลางการบินในภูมิภาค ในฐานะประตูต้อนรับผู้เดินทางจากทั่วโลก ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนภาคเศรษฐกิจ สังคม และการท่องเที่ยว เพื่อการเติบโตที่มั่งคงและยั่งยืน โดยในปี 2568 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ได้รับการยอมรับในระดับโลก
โดยได้รับการจัดอันดับจาก Skytrax ให้เป็นสนามบินที่ดีที่สุดในโลก (World’s Best Airport) ในอันดับที่ 39 ขยับขึ้นจากอันดับที่ 58 โดยขึ้นมา 19 อันดับจากปีก่อน และยังได้รับการจัดอันดับสนามบินที่พัฒนาได้ดีที่สุดของโลก (The World’s most Improved Airport) ในอันดับที่ 3
รวมทั้งยังได้รับรางวัลสนามบินที่สวยที่สุดในโลก (The World Most Beautiful List 2024) สาขาสถาปัตยกรรมดีเด่นด้านรูปลักษณ์อาคาร (Exterior) จากคณะกรรมการ The Prix Versailles Selection Committee ร่วมกับ UNESCO
ขณะที่ท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.) ติดอันดับ 8 ของสนามบินสำหรับสายการบินต้นทุนต่ำที่ดีที่สุดในโลก (World’s Best Low-Cost Airline Terminals) ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาคและมีท่าอากาศยานของไทยติดอันดับ 1 ใน 50 สนามบินที่ดีที่สุดในโลก
รวมทั้งยังได้มีการเปิดให้บริการอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (Satellite1 – SAT1) และทางวิ่งเส้นที่ 3 ทสภ.เพื่อเพิ่มศักยภาพการรองรับผู้โดยสารจาก 45 ล้านคน เป็น 60 ล้านคนต่อปี ซึ่งเป็นก้าวสำคัญของ AOT ในการรองรับอนาคตการเดินทางของผู้โดยสารจากทั่วโลก
นอกจากนี้ ดร.กีรติ ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีนวัตกรรมในอุตสาหกรรมการบินเพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้โดยสารและแก้ปัญหาความแออัดภายในสนามบิน ก้าวสู่ยุค Digital Transformation อย่างแท้จริง ครอบคลุมท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่ง เช่น การนำเอาระบบ Biometric มาใช้ในการระบุตัวตนของผู้โดยสารเพื่ออำนวยความสะดวก การเช็กอินด้วยความสะดวกผ่านระบบ CUSS / CUBD เป็นต้น
โดยตระหนักถึงความยั่งยืนเพื่อขับเคลื่อนสนามบินของ AOT สู่การเป็นต้นแบบท่าอากาศยานสากลชั้นนำที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Airport) โดยได้ผลักดันให้ ทสภ.เป็นสนามบินแห่งแรกในประเทศไทยที่ใช้พลังงานสะอาดมาผลิตพลังงานไฟฟ้า 37.81 เมกะวัตต์ รวมถึงการมีนโยบายเปลี่ยนยานพาหนะในสนามบินทั้งหมดเป็นระบบยานยนต์ไฟฟ้า ตลอดจนการติดตั้งสถานี EV Charge สำหรับรถโดยสารสาธารณะไฟฟ้า อีกด้วย
แม้จะยังมีโครงการสำคัญอีกมากที่อยู่ระหว่างการดำเนินการและต่อยอดแต่การเปลี่ยนผ่านนี้จะไม่หยุดยั้งการพัฒนา AOT ในการเป็นองค์กรที่นำหน้าในด้านการบินและการบริการสนามบิน โดยจะยังคงเดินหน้าสู่อนาคตที่ยั่งยืนและสร้างประโยชน์ให้กับประเทศชาติและเศรษฐกิจในระดับโลกต่อไป