“กฤษฎา” รมช.คลัง สั่งธอส.มอบของขวัญสงกรานต์ ปล่อยกู้กลุ่มเปราะบาง

11 เม.ย. 2567 | 07:53 น.

“กฤษฎา” รมช.คลัง สั่งธอส.มอบของขวัญปีใหม่ ขยายกรอบวงเงินโครงการ “สินเชื่อบ้าน Happy Home” อีก 1 หมื่นล้าน ลั่นให้แบงก์ดื้อกับธปท. แอบปล่อยสินเชื่อช่วยกลุ่มเปราะบาง ฝั่งหนี้เสียธนาคารพุ่ง 4.8%

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า หลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติดำเนินโครงการสินเชื่อบ้าน Happy Home สำหรับผู้ที่ต้องการซื้อหรือปลูกสร้างที่อยู่อาศัยในระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ 5 ปีแรก เพียง 3.00% ต่อปี

โดยธอส. เปิดให้ลูกค้ารับรหัสเข้าร่วมโครงการผ่าน Mobile Application : GHB ALL GEN เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2567 ตั้งแต่เวลา 15.00 น. ที่ผ่านมา ล่าสุด พบว่ามีลูกค้ารับรหัสเข้าร่วมโครงการสูงถึง 3,729 ราย คิดเป็นวงเงินสินเชื่อกว่า 10,000 ล้านบาท

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการมอบของขวัญปีใหม่ไทย เนื่องในเทศกาลวันสงกรานต์ ได้สั่งการให้ธอส. พิจารณาช่วยเหลือลูกค้าเพิ่มเติม โดยจะมีการพิจารณาขยายกรอบวงเงินโครงการสินเชื่อบ้าน Happy Home ด้วยประมาณ 10,000 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือให้ประชาชนผู้มีรายน้อยได้เข้าถึงสินเชื่อ นอกจากนี้ ยังได้สั่งการ ให้ธอส.ผ่อนปรนเงื่อนไข เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกค้ากลุ่มเปราะบางสามารถเข้าถึงสินเชื่อได้

ส่วนเรื่องเกณฑ์ LTV หรือ Loan to Value Ratio ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยังไม่ได้พิจารณาผ่อนคลายเกณฑ์ดังกล่าวให้นั้น ก็ได้ข้อให้ธอส. แอบดื้อกับแบงก์ชาติ และผ่อนคลายบางเกณฑ์ เพื่อปล่อยสินเชื่อช่วยประชาชนด้วย

“สาเหตุที่ธปท.ยังไม่ผ่อนปรนเงื่อนไขนั้น เข้าใจว่าทุกคนมีเหตุผลของตัวเอง เข้าใจทั้ง 2 ฝ่าย สิ่งที่ธปท.ออกมา ก็เพื่อกำกับดูแล และควบคุมการก่อหนี้จนเกินตัวของประชาชน แต่ในทางแบงก์เอง เราก็จะอยากช่วยเหลือประชาชนให้มีที่อยู่อาศัย ซึ่งธอส.เอง ก็มีเงินกันสำรองหนี้เสียสูง และยังได้เตรียมความพร้อมรองรับมาตรฐานบัญชีใหม่”

นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า ที่ผ่านมา ธอส. ตรึงอัตราดอกเบี้ยช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่ายังมีลูกค้าที่เป็นกลุ่มเปราบาง ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจ ส่งผลให้มีข้อจำกัดในการชำระหนี้ ส่งผลให้ล่าสุด ธอส.มีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) อยู่ที่ 4.8% จากสิ้นปี 2566 อยู่ที่ระดับ 3.8% ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่คาดการณ์ได้

“หนี้เสียที่เพิ่มขึ้นมา เป็น 4.8% นั้น เพราะเครื่องมือของธปท. จากมาตรการปรับโครงสร้างหนี้ยั่งยืนสิ้นสุดลง จึงทำให้ตัวเลข NPL อยู่ในสัดส่วนที่สูง แต่ช่วงเม.ย.นี้จะเห็นสัดส่วนตัวเลขลดลง และภายในปีนี้จะดูแลให้สถานการณ์ NPL ของแบงก์อยู่ในระดับที่ไม่เกิน 4.8-5%”

ขณะที่ยอดการปล่อยสินเชื่อในไตรมาส 1 ของปี 2567 นั้น ธอส.สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้กว่า 3.2 หมื่นล้านบาท ซึง่ยังเป็นไปตามเป้าหมาย และคาดว่าเมื่อมีโครงการสนับสนุนกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์จากภาครัฐ รวมถึงโครงการสินเชื่อต่างๆ ที่ธนาคารดำเนินการภายใต้นโยบายของรัฐบาล จะทำให้ยอดการปล่อยสินเชื่อใหม่ของธอส. ทำได้เพิ่มขึ้นอีก