ทัพทัวริสต์จีนดันจีพีพี.เชียงใหม่ปี2566โต3.6%

แวดวงท่องเที่ยวเชียงใหม่เตรียมรับคณะนักท่องเที่ยวจีนอย่างกระตือรือล้น นางละเอียด บุ้งศรีทอง ที่ปรึกษาสมาคมโรงแรมไทย และนายกสมาคมวิศิษฎ์ล้านนาเพื่ออุตสาหกรรมไมซ์ เปิดเผยว่า ได้เตรียมความพร้อมรอรับนักท่องเที่ยวจีนมากว่า 6 เดือนแล้ว โดยประสานกับผอ.ททท. ใน 5 เมืองหลักของจีน คอยแจ้งข้อมูลให้เป็นระยะ ขณะที่สสปน.ก็ช่วยติดตามข่าวสาร 

แต่วันนี้ยังเร็วไปที่จะประเมินทิศทางนักท่องเที่ยวจีน ว่าจะมีสัดส่วนมากน้อยแค่ไหน กระจายตัวสู่หัวเมืองท่องเที่ยวแต่ละที่อย่างไร ซึ่งต้องรอดูสัญญาณจากสายการบิน ที่จะจัดเที่ยวบินทั้งแบบชาร์เตอร์ ไฟลท์ หรือตารางบินลงที่ไหนบ้าง โดยจะเห็นก่อนที่กรุงเทพฯหรือภูเก็ต  ส่วนเชียงใหม่คงต้องรอถึงปลายไตรมาส 1 จะชัดเจนขึ้น และตัวเลขน่าจะโตขึ้นเรื่อย ๆ ในไตรมาส 2

ในส่วนของโรงแรมเชียงใหม่เวลานี้กลับมาเปิดประมาณ 70 % อีก 30 % หรือคิดเป็นจำนวนห้องประมาณ 20,000 ห้อง ยังไม่กลับมาเปิด เพราะยังไม่มั่นใจ จากเดิมที่มีนักท่องเที่ยวเข้าเชียงใหม่ก่อนเกิดโควิด-19 ปีละ 10 ล้านคน ช่วงการระบาดปริมาณนักท่องเที่ยวไม่พอ ก็ต้องปิดตัวเพราะพยุงการจ้างงานไม่ไหว พอจะกลับมาเปิดใหม่ต้องมีเงินก้อนลงทุน ขณะที่ตลาดยังไม่นิ่ง รวมทั้งเวลานี้แรงงานระดับปฎิบัติการก็เริ่มขาด เพราะออกไปจากอุตสาหกรรมนี้ไปพอสมควร น่าจะต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 6 เดือน ที่รายเล็กเจ้าเดิมแต่ปิดไป จะเข้าถึงแหล่งเงินสด ปรับปรุงสถานที่ จ้างคนงานเพื่อกลับมาเปิดใหม่ได้  

ขณะที่นพ.ดุสิต ศรีสกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลลานนา จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า พร้อมอย่างมากที่จะรองรับนักท่องเที่ยวจีนที่บินเข้ามาเที่ยวเชียงใหม่-ลำพูนและพื้นที่ใกล้เคียง โดยมีล่ามภาษาจีน รวมทั้งมีความพร้อมในการให้บริการตรวจโควิดแบบด่วนรู้ผลไว ภายใน 4-6 ชั่วโมงก่อนกลับประเทศ   ด้วยห้องปฎิบัติการไบโอโมเลกุลลาร์ ของโรงพยาบาลเองที่มีมาตรฐานระดับสากล ได้รับการรับรองจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พร้อมออกใบรับรองแพทย์ และหากพบว่ามีผลตรวจเป็นบวก พบเชื้อโควิด-19  ก็มีบริการห้องพักที่โรงพยาบาลลานนา 3 ไว้รองรับการกักตัวอย่างเพียงพอ

บรรยากาศท่องเที่ยวเชียงใหม่ที่ฟื้่นตัวกลับมานี้ ดร.ปราโมทย์ บุญตันจีน ผู้อำนวยการกลุ่มงานนโยบายและเศรษฐกิจ สำนักงานคลังจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า เศรษฐกิจจังหวัดเชียงใหม่ปี 2565 ขยายตัวขึ้น 3.2 % ปรับตัวดีขึ้นจากปี 2564 ที่ติดลบ 6.6% จากแรงขับเคลื่อนหลักภาคบริการและการบริโภคที่คลี่คลายตามสถานการณ์โควิด ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาใกล้เคียงช่วงก่อนโควิด และมีปัจจัยหนุนการท่องเที่ยว ทั้งการจัดกิจกรรมในพื้นที่ต่อเนื่อง อากาศหนาวเย็น มีแลนด์มาร์คการท่องเที่ยวใหม่ ๆ  

ส่วนทิศทางการเติบโตทางเศรษฐกิจจังหวัด(จีพีพี.)เชียงใหม่ ปี 2566 คาดจะโตต่อเนื่องในอัตรา 3.6 % ตามแรงส่งสำคัญต่อเนื่องของภาคบริการและบริโภค โดยคาดว่านักท่องเที่ยวหลัก คือ ชาวจีนที่จะเดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้น ตามแนวทางการเปิดประเทศเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา ส่งผลให้หลายสายการบินมีการเปิดเส้นทางการบินตรง ด้านอัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะอยู่ที่ 2.5 %  ซึ่งจะทยอยลดลงกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายที่ 1-3 %  

นายวิจิตต์ แก้วไทรเทียม ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ เผยว่า  ปัจจุบันท่าอากาศยานเชียงใหม่ มีเส้นทางบินตรงระหว่างประเทศ 11 เส้นทาง ได้แก่ อินชอน สิงคโปร์ ไทเป หลวงพระบาง ดานังฮานอย ฮ่องกง กัวลาลัมเปอร์ ปูซาน โฮจิมินห์ และย่างกุ้ง ให้บริการโดย 12 สายการบิน 

ส่วนเส้นทางบินจากจีนแผ่นดินใหญ่ จะเริ่มทำการบินตั้งแต่วันที่ 18 ม.ค.2566 นี้ โดยสายการบินจุนเหยา จะทำการบินเส้นทาง เซี่ยงไฮ้-เชียงใหม่ และในวันที่ 20 ม.ค. สายการบินสปริงแอร์ จะทำการบินเส้นทาง กวางโจว-เชียงใหม่ นอกจากนี้ยังมีสายการบินที่อยู่ระหว่างดำเนินการขอใบอนุญาตทำการบินอีก 4 สายการบิน ได้แก่ สายการบินแอร์ไชน่า เส้นทาง ปักกิ่ง-เชียงใหม่ สายการบินเสฉวน เส้นทาง เฉินตู-เชียงใหม่ สายการบินไชน่าอีสเทิน เส้นทาง เซี่ยงไฮ้-เชียงใหม่ และสายการบิน สายการบินสปริงแอร์ เส้นทาง เซี่ยงไฮ้-เชียงใหม่ 

ทั้งนี้ ในปี 2562 ก่อนที่จะเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ท่าอากาศยานเชียงใหม่ มีเส้นทางบินตรงไปยังเมืองต่าง ๆ ของจีนทั้งสิ้น 19 เส้นทาง มีผู้โดยสารชาวจีนเฉลี่ยวันละ 4,000-5,000 คน และมีจำนวนผู้โดยสารชาวจีน ผ่านเข้าออกในปี 2562 กว่า 1.78 ล้านคน