สุกี้ตี๋น้อยไม่รอ “คนละครึ่งพลัส” เปิดศึกโปรลด 50% เจาะตลาดกินดึก

30 ต.ค. 2568 | 03:50 น.
อัปเดตล่าสุด :30 ต.ค. 2568 | 17:26 น.

กระแสโครงการ“คนละครึ่งพลัส” รอบใหม่มาแรง สุกี้ตี๋น้อยไม่รอช้า เดินเกมราคาเอง ปล่อยโปรช่วงดึก ชูกลยุทธ์ทำเล–เวลา สร้างทราฟฟิกก่อนดีมานด์จากมาตรการรัฐ

KEY

POINTS

  • สุกี้ตี๋น้อยจัดโปรโมชั่นลดราคา 50% สำหรับบุฟเฟต์ช่วงดึก (23.00-05.00 น.) เหลือเพียง 159 บาท ใน 15 สาขาที่ร่วมรายการ
  • แคมเปญนี้จัดขึ้นระหว่างวันนี้-31 ตุลาคม 2568 เพื่อชิงกำลังซื้อก่อนที่โครงการ "คนละครึ่งพลัส" ของรัฐบาลจะเริ่มขึ้น
  • กลยุทธ์นี้มุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าที่ทานมื้อดึกโดยเฉพาะ และเป็นการสร้างโปรโมชั่นของตนเองเนื่องจากไม่เข้าเกณฑ์เข้าร่วมโครงการของรัฐ

ท่ามกลางกระแสการจับตาโครงการ “คนละครึ่งพลัส” ซึ่งรัฐบาลเตรียมเดินหน้าเพื่อกระตุ้นการบริโภคและพยุงเศรษฐกิจฐานราก ร้านอาหารรายย่อยและเชนใหญ่ต่างเริ่มปรับกลยุทธ์รับดีมานด์ที่จะเกิดขึ้นในช่วงใกล้เปิดโครงการ 

หนึ่งในผู้เล่นตลาดบุฟเฟต์อย่าง “สุกี้ตี๋น้อย” เปิดเกมรุกก่อน ด้วยแคมเปญ “ลด 50%” แบบจ่ายจริง ไม่ต้องลงทะเบียน ผ่านการนำเสนอราคาบุฟเฟต์รวมรีฟิล เหลือเพียง 159 บาท สำหรับช่วงเวลากินดึก 23.00–05.00 น. ระหว่างวันที่ 27–31 ตุลาคม 2568 ครอบคลุม 15 สาขาทั่วประเทศ ได้แก่

1. Big C เพชรเกษม 2. The Alley รามอินทรา กม.9 3. ธนบุรี มาร์เก็ต เพลส 4. Rainforest กิ่งแก้ว 5. Susco พุทธบูชา 6. B5 อเวนิว จ.สระบุรี 7. ลาดพร้าววังหิน 59 8. Village Hub ราชพฤกษ์ 9. Jas Green Village รามคำแหง 10. ศรีจันทร์ สแควร์ จ.ขอนแก่น 11. กาดฝรั่ง วิลเลจ หางดง จ.เชียงใหม่ 12. แพชชั่น จ.ระยอง 13. บางจากเดินเพลิน จ.อุดรธานี 14. อัศวรรณ 2 จ.หนองคาย 15. โลตัส จ.กาญจนบุรี

 

แม้ตี๋น้อยจะไม่ได้เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง แต่การเคลื่อนไหวครั้งนี้สะท้อนการ “ตั้งรับเชิงรุก” ของธุรกิจอาหารท่ามกลางการแข่งขันสูง และสถานการณ์ค่าครองชีพยังไม่คลาย โดยมุ่งตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการความคุ้มค่าในช่วงเศรษฐกิจชะลอ และเป็นการรีดทราฟฟิกในช่วงเวลานอกพีค ซึ่งเป็นโซนเวลาเฉพาะกลุ่ม เช่น นักเรียน นักศึกษา คนทำงานกะดึก และกลุ่มผู้บริโภคดิจิทัลที่มีกิจวัตรยืดหยุ่น

จากหลักเกณฑ์โครงการคนละครึ่ง ร้านผู้เข้าร่วมต้องเป็นผู้ประกอบการรายย่อยประเภทบุคคลธรรมดา ไม่ใช่นิติบุคคลหรือเชนธุรกิจขนาดใหญ่ ขณะที่สุกี้ตี๋น้อยเป็นธุรกิจเชนที่เติบโตเร็วและมีหลายสาขาทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ทำให้ไม่เข้าเกณฑ์การเข้าร่วมโครงการตามเงื่อนไขภาครัฐ นอกจากนี้รูปแบบธุรกิจบุฟเฟต์ยังมีต้นทุนวัตถุดิบและแรงงานสูง การร่วมมาตรการร่วมจ่ายอาจจำกัดความยืดหยุ่นในการบริหารราคาและเวลาให้บริการ

รูปจากเพจ : สุกี้ตี๋น้อย

โครงการคนละครึ่งเปิดรับร้านอาหาร ร้านเครื่องดื่ม และธุรกิจบริการรายย่อยที่ขึ้นทะเบียนในชื่อบุคคลธรรมดา และรับชำระผ่านระบบตามเกณฑ์ของกระทรวงการคลัง ร้านแฟรนไชส์ขนาดใหญ่และธุรกิจเชนทั่วไปไม่ได้อยู่ในกลุ่มเป้าหมายหลักของโครงการที่ออกแบบมาเพื่อพยุงเศรษฐกิจระดับชุมชนและผู้ค้ารายย่อย

การเลือกเปิดโปรเฉพาะช่วงดึกสะท้อนทิศทางตลาดอาหารที่ต้องแข่งขันด้วยความยืดหยุ่นและความคุ้มค่า ผู้ประกอบการต้องหาวิธีบริหารต้นทุนและเวลาการให้บริการให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ในขณะเดียวกันก็รักษาฐานลูกค้าและสร้างพฤติกรรมการเข้าร้านในช่วงเวลาที่ไม่ใช่พีค

นอกจากการดึงกำลังซื้อก่อนเปิดโครงการรัฐ แคมเปญนี้ยังสะท้อนประเด็นเชิงกลยุทธ์ว่า ผู้เล่นธุรกิจขนาดใหญ่เลือก “ดีลตรง” เพื่อสร้างข้อเสนอที่จับต้องได้ทันที ไม่รอแรงกระตุ้นจากนโยบายภาครัฐ ซึ่งต่างจากร้านค้ารายย่อยที่ใช้คนละครึ่งเป็นแรงเสริมหลักในการดึงผู้บริโภค

โดยตลาดอาหารปีนี้เผชิญต้นทุนสูง ทั้งวัตถุดิบ พลังงาน และแรงงาน ขณะที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับ “ความคุ้มค่า” มากขึ้น มาตรการภาครัฐจึงเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในระบบเศรษฐกิจ ขณะที่ผู้ประกอบการต้องผสานเครื่องมือทางการตลาดของตนเองคู่กัน

การที่ร้านอาหารเชนระดับประเทศออกโปรใหญ่ช่วงเวลาเดียวกับที่ตลาดจับตาคนละครึ่ง ชี้ให้เห็นการแข่งขันรอบใหม่ของธุรกิจร้านอาหารไทยในมิติ “โปรโมชั่นเชิงกลยุทธ์” ซึ่งอาจเห็นบ่อยขึ้นในระยะถัดไป เมื่อรัฐเดินหน้าสร้างมาตรการกระตุ้นผ่านกำลังซื้อภาคประชาชน