สุกี้ตี๋น้อย-MK มีหนาว ชาบูชิ จัดหนักบุฟเฟต์ 259 ชิงตลาดหม้อร้อน

ในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2568 ตลาดร้านอาหารประเภทชาบู–สุกี้ กลับมาคึกคักราวกับหม้อเดือดกลางโต๊ะ เมื่อสามแบรนด์ใหญ่ “ชาบูชิ–MK–สุกี้ตี๋น้อย” เปิดศึกชิงส่วนแบ่งลูกค้าด้วยกลยุทธ์แตกต่าง แต่มีเป้าหมายเดียวกัน คือ “ขยายฐานผู้บริโภคให้ครอบคลุมทุกเซกเมนต์” ทั้งแมส พรีเมียม และไลฟ์สไตล์

“ชาบูชิ” ลงสนามแมสเต็มตัว – บุฟเฟต์ 259 บาท เจาะทำเลไฮเปอร์มาร์เก็ต

ชาบูชิ (Shabushi) ภายใต้เครือโออิชิ โฮลดิ้ง ตอกย้ำความเป็นแบรนด์ร้านอาหารญี่ปุ่นขวัญใจคนไทยด้วยการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทั้งสินค้า บริการ และประสบการณ์ ภายใต้แนวคิด “Good Taste Great Time Never End” หรือ “รสชาติความสุขไม่สิ้นสุด” ซึ่งในปีนี้แบรนด์เดินหน้าปรับกลยุทธ์สำคัญด้วยแนวทาง “Segmentation Marketing” แบ่งสาขาออกเป็น 2 กลุ่มชัดเจน เพื่อให้เหมาะกับพฤติกรรมและทำเลของลูกค้า

ในกลุ่ม ห้างสรรพสินค้า ชาบูชิชูจุดขายด้านประสบการณ์ ผ่านร้านดีไซน์ใหม่ที่ยกระดับภาพลักษณ์สู่ความทันสมัย พร้อมครัวเปิด “Sushi-Master Station” ให้ลูกค้าได้ชมทุกขั้นตอนของการทำซูชิสดใหม่แบบคำต่อคำ เพิ่มความมั่นใจในคุณภาพและสร้างความตื่นตาตลอดมื้ออาหาร ขณะที่การบริการยังคงจัดเต็มด้วยบุฟเฟต์ 3 ระดับ คือ Regular 399 บาท, Premium 499 บาท และ Platinum 599 บาท เพื่อให้ผู้บริโภคเลือกตามงบและความต้องการ

สาขานำร่องของร้านดีไซน์ใหม่เริ่มให้บริการแล้วในหลายจังหวัด อาทิ ซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์, เซ็นทรัล ขอนแก่น, มาร์เก็ตวิลเลจ หัวหิน, เกตเวย์ เอกมัย, เซ็นทรัล พัทยา และเตรียมเปิดเพิ่มในเซ็นทรัล กระบี่ อีกหลายแห่งในอนาคต

ขณะเดียวกัน ในกลุ่ม ไฮเปอร์มาร์เก็ต ชาบูชิเดินเกมรุกสู่ตลาดแมสเต็มตัว ด้วยการเปิดตัวบุฟเฟต์ “หมูหมู 259 บาท+” ชูจุดเด่นความคุ้มค่าและสะดวกครบจบในมื้อเดียว มีเมนูกว่า 50 รายการ ทั้งหมูสไลซ์ ไก่ ลูกชิ้น ผักสด ผลไม้ ไอศกรีม และเครื่องดื่ม พร้อมอัปเกรด “คุ้มพลัส” เพิ่มอีก 39 บาท เพื่อรับเมนูสุดฮิตอย่างกุ้งสด เนื้อฮารามิ และซีฟู้ดคุณภาพ โดยเปิดให้บริการแล้วกว่า 72 สาขาในโลตัส บิ๊กซี และคอมมูนิตี้มอลล์ทั่วประเทศ ตั้งแต่ 7 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2568 เพื่อกระตุ้นตลาดช่วงปลายปี

กลยุทธ์ของชาบูชิครั้งนี้ถือเป็นการขยายขอบเขตการเข้าถึงลูกค้าทั้งกลุ่มรายได้กลางและแมส เพิ่มความยืดหยุ่นด้านราคาโดยไม่ลดทอนคุณภาพ เพื่อยึดตำแหน่ง “Top of Mind Brand” ของร้านอาหารชาบู–ซูชิในใจผู้บริโภค

“MK Restaurants” รุกหนักสู้ศึกบุฟเฟต์ – ยอดขายพุ่ง 33%

ด้าน MK Restaurants ภายใต้เครือ MK Group ยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดด้วยกลยุทธ์ “คุ้มค่าแต่ได้คุณภาพ” หลังประสบความสำเร็จอย่างสูงจากแคมเปญ “คุ้ม คุ้ม อิ่มไม่อั้น 299 บาท” ที่เปิดช่วงเดือนมิถุนายน–สิงหาคมที่ผ่านมา ทำให้ยอดขายรวมเติบโต 5% และสาขาที่ร่วมรายการเติบโตถึง 33% จากปีก่อน มีลูกค้าเข้าร่วมมากกว่า 1.7 ล้านคน โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าใหม่วัยทำงานและวัยรุ่นที่หันกลับมาใช้บริการมากขึ้น

MK เดินหน้าต่อเนื่องด้วยการอัปเลเวลสู่โปรโมชัน “คุ้มเกินคุ้ม 299 บาท” ยาวถึงสิ้นปี เพิ่มเมนูจาก 19 เป็น 29 รายการ พร้อมเมนูพิเศษหมุนเวียนทุกเดือน และขยายเวลาการรับประทานถึง 90 นาที โดยยังคงคุณภาพวัตถุดิบและมาตรฐานการบริการตามแบบฉบับ MK ที่ผู้บริโภคเชื่อมั่น อีกทั้งยังขยายสาขาเพิ่มเป็น 312 แห่งทั่วประเทศ ปักหมุดในบิ๊กซี โลตัส โฮมโปร และพื้นที่คอมมูนิตี้สำคัญ เพื่อให้เข้าถึงง่ายและลดปัญหาคิวรอ

จุดแข็งของ MK อยู่ที่โครงสร้างธุรกิจและระบบซัพพลายเชนที่แข็งแกร่ง ครอบคลุมซัปพลายเออร์ท้องถิ่นกว่า 200 แห่ง มีครัวกลางที่ผ่านมาตรฐานสากล และระบบขนส่งสินค้าที่รวดเร็วทั่วประเทศ ทำให้สามารถรักษาคุณภาพอาหารในทุกสาขาได้อย่างสม่ำเสมอ และรองรับการขยายตัวของแคมเปญขนาดใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

“สุกี้ตี๋น้อย” เปิดศึกพรีเมียม Teenoi Gold ดึงลูกค้าระดับบน

ส่วนอีกหนึ่งผู้เล่นสำคัญอย่าง สุกี้ตี๋น้อย เจ้าตลาดบุฟเฟต์ราคาคุ้ม เดินเกมสวนทางด้วยการยกระดับสู่ตลาดบน เปิดตัวแบรนด์ใหม่ “Teenoi Gold” ที่เมเจอร์ อเวนิว รัชโยธิน เมื่อวันที่ 30 สิงหาคมที่ผ่านมา ภายใต้คอนเซปต์ “พรีเมียมออลยูแคนอีต” เสิร์ฟบุฟเฟต์ 599 บาท (ช่วงเปิดตัว 499 บาท) พร้อมเมนูพิเศษอย่างติ่มซำ เป็ดย่าง และเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ เช่น มัทฉะมะพร้าวน้ำหอม โกโก้บราวน์ชูการ์ และชาไทยมะพร้าวน้ำหอม

Teenoi Gold ถือเป็นการเข้าสู่ตลาดพรีเมียมครั้งแรกของสุกี้ตี๋น้อย ซึ่งตั้งเป้าเปิดครบ 3 สาขาภายในปี 2568 และขยายเป็น 11 สาขาในปี 2569 โดยเลือกทำเลศักยภาพทั้งอินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ บางใหญ่, โลตัส นครปฐม, ธัญญาพาร์ค และเลียบทางด่วนรามอินทรา–อาจณรงค์ เพื่อท้าชนกับ “MK Gold” ที่ครองตลาดพรีเมียมมานาน

จากภาพรวมทั้งหมดจะเห็นได้ว่าศึก “หม้อร้อนปลายปี” ครั้งนี้ไม่ได้แข่งกันที่ราคาถูกที่สุด แต่เป็นการขยับเชิงกลยุทธ์เพื่อ “จับทุกใจ–ทุกทำเล–ทุกงบประมาณ” ตั้งแต่บุฟเฟต์เริ่มต้น 259 บาทของชาบูชิ, โปร 299 บาทของ MK ไปจนถึง Teenoi Gold 599 บาทของสุกี้ตี๋น้อย ที่ต่างเน้นสร้างสมดุลระหว่าง “ประสบการณ์–ความคุ้มค่า–คุณภาพ” เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการทั้งรสชาติ ความสุข และความรู้สึกคุ้มในทุกมื้อ

โดยตลาดชาบู สุกี้ไทยซึ่งมีมูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาท กำลังเข้าสู่เฟสใหม่ของการแข่งขันที่เข้มข้นที่สุดในรอบหลายปี เมื่อทุกแบรนด์ใหญ่หันมาลงสนามพร้อมกัน ทั้งเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อช่วงปลายปี และสร้างแรงส่งต่อยอดสู่ปี 2569 ที่แนวโน้มการแข่งขันจะยิ่งดุเดือดมากขึ้น เพราะในสมรภูมิหม้อร้อน ไม่มีที่ว่างสำหรับผู้เล่นที่นิ่งอยู่กับที่อีกต่อไป.