KEY
POINTS
หลังจากที่เครื่องใช้ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่จากจีน “ไฮเซ่นส์” ทุ่มงบลงทุนกว่า 2,100 ล้านบาทในปี 2567 เพื่อก่อสร้างโรงงานผลิตเครื่องปรับอากาศอัจฉริยะไฮเซ่นส์ (Hisense Air Conditioner Smart Factory) ภายในนิคมอุตสาหกรรมเอสเอ็นซี จังหวัดระยอง บนพื้นที่กว่า 98 ไร่ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของเครือข่ายการผลิตในภูมิภาคอาเซียน โดยคาดว่าจะมีกำลังการผลิตเครื่องปรับอากาศได้ 3 ล้านเครื่องต่อปี พร้อมสร้างงานให้กับคนในชุมชนได้มากกว่า 1,500 คน
ล่าสุดไฮเซ่นส์ (Hisense) ประกาศทุ่มเงินอีกกว่า 4,700 ล้านบาทขยายการลงทุนในประเทศไทย โดยจัดตั้ง “นิคมอุตสาหกรรมการผลิตอัจฉริยะ Hisense” ภายในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี 2 อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี เพื่อเป็นฐานการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า ประเภทตู้เย็นและเครื่องซักผ้าที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นายโทมัส เทา ผู้จัดการทั่วไป HHA Industrial Park เปิดเผยว่า โดยโครงการนี้ถูกสร้างบนพื้นที่รวมกว่า 400 ไร่ คาดว่าแผนระยะที่ 1 จะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในกลางปี 2569 และสามารถรองรับกำลังการผลิตได้มากกว่า 2,600,000 เครื่องต่อปี การลงทุนครั้งนี้ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการขยายเครือข่ายการผลิตและกระจายสินค้าให้ครอบคลุมตลาดที่เติบโตอย่างรวดเร็ว รองรับความต้องการของตลาดที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพและขีดความสามารถการแข่งขันให้กับประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลาง CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม)
“ไฮเซ่นส์ ถือเป็นหนึ่งในบริษัทจีนรายแรกๆ ที่ก้าวสู่เวทีโลก เริ่มขยายธุรกิจโดยยึดกลยุทธ์มุ่งเน้นตลาดต่างประเทศเป็นแกนหลักอย่างต่อเนื่อง และในปี 2567 บริษัทได้มีการตั้งเป้าหมายใหม่สู่ “การสร้างองค์กรระดับโลกและเป็นแบรนด์ระดับโลก” Hisense จึงเดินหน้ากลยุทธ์ “Local for Local” เพื่อสร้างเครือข่ายครบวงจรผ่านศูนย์ปฏิบัติการ 7 แห่ง ศูนย์วิจัยและพัฒนา (R&D) 30 แห่ง และนิคมอุตสาหกรรม 36 แห่งทั่วโลก
โดย Hisense เลือกประเทศไทยให้เป็นหนึ่งประเทศยุทธศาสตร์สำคัญสำหรับการลงทุนตั้งฐานการผลิตและเป็นศูนย์กลางการพัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค เพื่อรองรับการขยายธุรกิจในอาเซียน ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันระดับโลก”
สำหรับนิคมอุตสาหกรรมการผลิตอัจฉริยะ Hisense หรือ Hisense Intelligent Manufacturing Park แห่งนี้ มีพิธีวางศิลาฤกษ์เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2568 ด้วยทำเลที่ตั้งของโครงการอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งถือเป็นทำเลยุทธศาสตร์ที่สำคัญของประเทศไทย ทั้งด้านการลงทุน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน มีระบบซัพพลายเชนตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ
รวมทั้งระบบขนส่งและโลจิสติกส์ที่ครบวงจร ทำให้ Hisense สามารถรองรับความต้องการของตลาดภายในประเทศที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และส่งออกไปยังกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม) ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
นิคมอุตสาหกรรมการผลิตอัจฉริยะ Hisense ถูกออกแบบให้เป็นฐานการผลิตแบบครบวงจร ที่มาพร้อมเครื่องจักรอัตโนมัติทันสมัย ควบคู่กระบวนการผลิตที่ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นสูงตามมาตรฐานสากล ซึ่งช่วยยกระดับคุณภาพสินค้าและสร้างความสามารถในการแข่งขันในตลาด โดยแผนระยะที่ 1 (ปี 2568-2569) คาดว่าจะรองรับกำลังการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าได้ 2.6 ล้านเครื่องต่อปี
ส่วนการลงทุนในแผนระยะที่ 2 (ปี 2570-2571) ไฮเซ่นส์ เตรียมเพิ่มกำลังการผลิตตู้เย็น ตู้แช่แข็ง และเครื่องซักผ้าระดับพรีเมียมขนาดใหญ่ พร้อมลงทุนเพิ่มเติมในผลิตภัณฑ์ระบบปรับอากาศแบบทำความเย็นจากส่วนกลาง เพื่อรองรับความต้องการของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ซึ่งจะช่วยเสริมศักยภาพของประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการผลิตและกระจายสินค้าสำคัญในภูมิภาคได้อีกระดับ พร้อมยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน และสร้างความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทาน และส่วนแผนระยะที่ 3 (ปี 2572 – 2573) ไฮเซ่นส์เตรียมลงทุนเพื่อขยายอุตสาหกรรมใหม่แห่งอนาคต (new S-curve )
สำหรับภาพรวมในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 (ม.ค. – มิ.ย. 2568) ไฮเซ่นส์ ประเทศไทยสามารถทำยอดขายได้เติบโต 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์ตู้เย็นที่เติบโต 27% และเครื่องซักผ้าที่เติบโต 61% สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในประเทศไทยและความเชื่อมั่นต่อแบรนด์ไฮเซ่นส์ ทำให้บริษัทเชื่อมั่นในศักยภาพของไทยและพร้อมลงทุนตั้งนิคมอุตสาหกรรมฯ ในครั้งนี้