KEY
POINTS
นายเขม หวั่งหลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสเอ็มเอส คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ SMS กลุ่มบริษัท เอส เอ็ม เอส หนึ่งในกลุ่มพูลผล ผู้ผลิตและส่งออกแป้งมันสำปะหลังดัดแปร เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทเอส เอ็ม เอส เป็นหนึ่งในผู้นำการผลิตแป้งมันสำปะหลังดัดแปรของประเทศไทยและของโลก ดำเนินธุรกิจมานานกว่า 40 ปี โดยสร้างมูลค่าเพิ่มจากมันสำปะหลัง เพื่อนำไปใช้ในอุตสาหกรรมที่หลากหลายทั้งในประเทศและต่างประเทศ ด้วยกำลังการผลิตรกว่า 2-3 แสนตันต่อปี นับได้ว่าเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
โดยนำมันสำปะหลังมาดัดแปร เพื่อนำไปใส่ในอาหารแปรรูปต่างๆ เช่น อาหารแช่แข็ง ทำซอสปรุงรส ซอสเหนียว ใส่ขนมปัง นำไปเป็นส่วนผสมทำให้อาหารอร่อยขึ้น รวมถึงอยู่ในส่วนผสมของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป แม้กระทั่งอาหารที่เป็น Liquid ที่ต้องการความข้นด้วย ซึ่งทั้งหมดใช้เป็น Raw Material ส่งขายทั้งหมดกว่า 70 ประเทศทั่วโลก ประเทศหลักๆ ได้แก่ ญี่ปุ่น, เกาหลี, จีน, อินโดนีเซีย, อินเดีย และ Middle East สร้างรายได้เฉลี่ยกว่า 8,000 ล้านบาทต่อปี
“บริษัทมีรายได้จากการส่งออกให้ลูกค้าต่างชาติประมาณ 80% ที่เหลืออีก 40% คือขายในประเทศ โดยขายเป็นผลิตภัณฑ์ในรูปของส่วนผสมที่นำไปใช้ในโรงงานอาหาร ให้ผู้ผลิตอาหารนำไปปรุงต่อ เป็นวัตถุดิบ Raw Material ส่วนใหญ่อยู่ในสัดส่วนอาหารที่คนกินจะไม่รู้ ซึ่งแตกต่างกันตามความต้องการของลูกค้า มีสินค้าประมาณ 300 ตัว ถือว่ามีความหลากหลายมาก”
นอกจากเป็นส่วนผสมในอาหารคนยังถูกนำไปเป็นส่วนผสมในอาหารสัตว์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอาหารสัตว์พรีเมียมแบบเปิดกระป๋องสำหรับสุนัขและแมว และยังมีในอุตสาหกรรมอื่น เช่น อุตสาหกรรมกระดาษ อุตสาหกรรมสิ่งทอ อุตสาหกรรมคอนกรีต รวมถึงล่าสุดในอุตสาหกรรมยาที่ใช้แป้งเป็นส่วนผสม สัดส่วนทั้งหมดเป็น Food 60% ที่ Non-food 40%
สำหรับการดำเนินธุรกิจของเอส เอ็ม เอส จะอยู่ในรูปแบบ B2B เป็นหลัก ไม่ใช่สินค้าที่ส่งตรงไปยังผู้บริโภค (Consumer Product) มีจุดแข็งคือคุณภาพและนวัตกรรมที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้ แม้จะมีคู่แข่งเป็นจำนวนมากแต่ปัจจุบันสู้กันที่ราคาถูกอย่างเดียวไม่ได้ต้องวัดกันที่คุณภาพด้วย เช่น การใช้นวัตกรรมที่สอดคล้องไปกับเทรนด์สุขภาพ เรื่อง Healthy ก็มีแป้งที่เรียกว่า Resistant Starch แป้งที่ทนต่อการย่อย ซึ่งจะไปเป็นอาหารของแบคทีเรียที่อยู่ในลำไส้ใหญ่ เขาเรียกว่าพรีไบโอติก (Prebiotic)
ทั้งนี้ รายได้ของรวมของเอส เอ็ม เอส จะค่อนข้างคาดการณ์อัตราการเติบโตได้ยาก เพราะขึ้นอยู่กับราคาวัตถุดิบจากเกษตรกรและค่าเงินบาท อัตราการแลกเปลี่ยนเงิน แม้ปริมาณยอดขายจะสูงขึ้นทุกปีแต่แวลูลดลงยอดก็ลดลงตามไปด้วย แต่ตั้งเป้าไว้ว่าน่าจะเติบโตขึ้นอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม คาดว่าในปี 2569 สถานการณ์หลายอย่างจะดีขึ้น เพราะโดยภาพรวมสินค้าประเภทของแป้งทั้งหมดในตลาด แป้งมันสำปะหลังมีราคาย่อมเยาเมื่อเทียบกับแป้งข้าวโพด แป้งมันฝรั่ง หรือแป้งสาลี อาจเป็นโอกาสที่แป้งมันสำปะหลังจะเข้าไปแทนที่ได้ในอนาคตด้วย
ทั้งนี้ กลุ่มพูลผลและกลุ่มบริษัท เอส เอ็ม เอส ร่วมออกบูธจัดแสดงสินค้าภายในงาน “Fi Asia Thailand 2025” มหกรรมงานแสดงสินค้า เทคโนโลยี และนวัตกรรมส่วนผสมอาหาร สำหรับอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มในเอเชีย ซึ่งมีผู้ประกอบการเข้าร่วมกว่า 600 บริษัท ซึ่งเอส เอ็ม เอสนำผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมสินค้าต่างๆ ร่วมจัดแสดงเพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำ พร้อมแสดงถึงทิศทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่บริษัทจะมุ่งไปในอนาคตด้วย