DKSH ชูเทคโนโลยี-นวัตกรรม ยกระดับซัพพลายเชนรองรับตลาด FMCG ไทย

18 ก.ย. 2568 | 07:15 น.
อัปเดตล่าสุด :18 ก.ย. 2568 | 07:19 น.

DKSH เสริมแกร่งศูนย์กระจายสินค้า ชูเทคโนโลยีและนวัตกรรมยั่งยืน เพิ่มประสิทธิภาพซัพพลายเชนกระจายสินค้าคอนซูเมอร์กว่า 5,000 รายการ สู่ร้านค้าทั่วประเทศ

KEY

POINTS

  • DKSH ลงทุนในศูนย์กระจายสินค้าอุปโภคบริโภค (CGDC) ขนาดใหญ่ เพื่อเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานซัพพลายเชนสำหรับตลาด FMCG
  • นำเทคโนโลยีขั้นสูงและนวัตกรรม เช่น แดชบอร์ดเรียลไทม์, RFID และโดรน มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความโปร่งใสในการบริหารจัดการสต็อกสินค้า
  • มุ่งเน้นการสร้างซัพพลายเชนที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านการใช้พลังงานสะอาด เช่น โซลาร์เซลล์ เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

นายนรินทร์ รัชนีกรไกรลาศ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายซัพพลายเชน  บริษัท DKSH (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า การลงทุนในศูนย์กระจายสินค้าอุปโภคบริโภค (Consumer Goods) หรือ CGDC เป็นกลยุทธ์สำคัญของ DKSH ประเทศไทย ที่มุ่งยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านซัพพลายเชนให้ทันสมัยและตอบโจทย์ตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ

“CGDC เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในการสร้างซัพพลายเชนที่ยั่งยืนและมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม โดยมีพื้นที่กว่า 65,000 ตารางเมตร หรือเทียบเท่า 6 สนามฟุตบอล รองรับสินค้าได้มากกว่า 5,000 รายการ (SKUs) มีพื้นที่จัดเก็บ 66,000 พาเลท และรถขนส่งกว่า 370 คัน ครอบคลุมจุดกระจายสินค้าเกือบ 100 แห่งทั่วประเทศ”

ภายในศูนย์ CGDC มีการนำเทคโนโลยีขั้นสูงมาปรับใช้เพื่อยกระดับความเป็นเลิศในการดำเนินงานและเพิ่มความโปร่งใสในระบบซัพพลายเชน อาทิ แดชบอร์ด KPI แบบเรียลไทม์, เทคโนโลยีการระบุชิ้นสินค้าด้วยคลื่นความถี่วิทยุ (RFID) รวมถึงการตรวจนับสินค้าด้วยโดรน ซึ่งโซลูชันเหล่านี้ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการวิเคราะห์ ติดตาม และบริหารจัดการสต็อกสินค้าได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ยังให้บริการเสริมมูลค่า (Value-Added Services) ที่ครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า เช่น บริการ Custom Packing Solutions สำหรับการบรรจุผลิตภัณฑ์ใหม่, Labeling Services สำหรับการติดฉลากสินค้า และ Channel-Specific Quality Control สำหรับการควบคุมคุณภาพตามช่องทางจัดจำหน่าย ทำให้พันธมิตรสามารถบริหารสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัยต่อบุคลากร และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ทั้งนี้ DKSH มุ่งเน้นการสร้างระบบซัพพลายเชนที่ยั่งยืน ทุกขั้นตอนตั้งแต่การใช้ไฟ LED ประหยัดพลังงาน การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์กว่า 325 ตันต่อปี เทียบเท่าการปลูกต้นไม้ 14,700 ต้น การคัดแยกขยะ การหมุนเวียนน้ำ และแนวทางการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งทำให้ DKSH ได้รับการยกย่องเป็น Climate Action Leader 2025

DKSH ชูเทคโนโลยี-นวัตกรรม ยกระดับซัพพลายเชนรองรับตลาด FMCG ไทย

ด้านนายนีล แมคแคน รองประธานฝ่ายบริหารซัพพลายเชน ประเทศไทยและลาว กล่าวว่า นวัตกรรมและความยั่งยืนเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กร การผสาน AI และเทคโนโลยีล้ำสมัยกับแนวทางปฏิบัติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้พันธมิตรสามารถเข้าถึงตลาดได้รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และดำเนินธุรกิจอย่างรับผิดชอบ ศูนย์ CGDC เป็นหลักประกันว่าการลงทุนนี้ไม่เพียงตอบโจทย์ปัจจุบัน แต่ยังวางรากฐานเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

การดำเนินงานของ CGDC ครอบคลุมตั้งแต่การจัดเก็บสินค้าทั่วไปและสินค้าควบคุมอุณหภูมิ ไปจนถึงบริการโลจิสติกส์ครบวงจร สามารถรองรับพันธมิตรได้หลากหลายอุตสาหกรรม FMCG (Fast-Moving Consumer Goods) ทั้งอาหารและเครื่องดื่ม เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์ลักชัวรี และไลฟ์สไตล์

CGDC ยังเป็นศูนย์กลางการฝึกอบรมและพัฒนาบุคลากร เพื่อให้ทีมงานเข้าใจเทคโนโลยีใหม่ การบริหารสต็อก และการจัดการซัพพลายเชนที่ยั่งยืนอย่างครบวงจร ส่งผลให้ DKSH ประเทศไทยสามารถตอบสนองความต้องการผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็วและเชื่อถือได้

ความยั่งยืนและนวัตกรรมที่ CGDC สร้างขึ้นสะท้อนถึง วิสัยทัศน์ของ DKSH ที่ต้องการสร้างคุณค่าให้แก่พันธมิตร ลูกค้า พนักงาน และชุมชน พร้อมยกระดับซัพพลายเชนไทยให้แข่งขันได้ในระดับภูมิภาคและโลก

ปัจจุบัน DKSH ดำเนินธุรกิจใน 36 ประเทศ ด้วยพนักงานกว่า 28,060 คน และเป็นผู้นำด้าน Market Expansion Services สำหรับสินค้าอุปโภคบริโภค วัสดุประสิทธิภาพสูง การดูแลสุขภาพ และเทคโนโลยี โดยมีพันธกิจส่งเสริมการเข้าถึงตลาดอย่างยั่งยืน ครอบคลุมตั้งแต่การจัดหา การตลาด การขาย อีคอมเมิร์ซ การจัดจำหน่ายและโลจิสติกส์ ไปจนถึงบริการหลังการขาย

DKSH ชูเทคโนโลยี-นวัตกรรม ยกระดับซัพพลายเชนรองรับตลาด FMCG ไทย

สำหรับประเทศไทย หน่วยธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค DKSH มุ่งเน้นสินค้า FMCG บริการด้านอาหาร ผลิตภัณฑ์ลักชัวรีและไลฟ์สไตล์ รวมถึงผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมและผิวหนัง มีพนักงาน 14,250 คน และรายได้สุทธิ 3.4 พันล้านฟรังก์สวิสในปี 2567

จากการลงทุนด้าน CGDC ทำให้ DKSH สามารถยกระดับ ความเชื่อมั่นและศักยภาพในการกระจายสินค้า ให้พันธมิตร ครอบคลุมสินค้าทั่วประเทศ พร้อมสร้างซัพพลายเชนที่มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ถือเป็นการตอกย้ำบทบาทของ DKSH ในฐานะพันธมิตรธุรกิจที่น่าเชื่อถือของแบรนด์ชั้นนำในเอเชีย