ตลาดสกินแคร์ในปัจจุบันกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงสำคัญ เมื่อผู้บริโภคไม่ได้มองหาเพียงแค่ความงาม แต่ให้ความสำคัญกับ "สุขภาพผิว" ที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตโดยรวมมากขึ้น ทำให้กลุ่มผลิตภัณฑ์ "เวชสำอาง" หรือ dermo-cosmetics ซึ่งขับเคลื่อนด้วยงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์และการรับรองจากแพทย์ผิวหนัง กลายเป็นที่ต้องการอย่างสูง
การที่แบรนด์อย่าง ลา โรช-โพเซย์ ได้รับความไว้วางใจให้เป็นอันดับ 1 ที่แพทย์ผิวหนังทั่วโลกแนะนำ สะท้อนให้เห็นถึงเทรนด์ที่ผู้บริโภคมองหาผลิตภัณฑ์ที่มีความอ่อนโยน ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพสูงสุดในการแก้ปัญหาผิวอย่างตรงจุด ไม่ว่าจะเป็นปัญหาสิว, จุดด่างดำ, ความหมองคล้ำ หรือการฟื้นฟูผิวที่บอบบาง
การแข่งขันในตลาดสกินแคร์ก้าวสู่ยุคใหม่ที่เน้นเทคโนโลยีและนวัตกรรมเชิงลึกมากขึ้น การที่แบรนด์มีการพัฒนาเครื่องมือวิเคราะห์ผิวด้วย AI (Artificial Intelligence) เช่น โปรแกรม “SPOTSCAN” และการค้นพบนวัตกรรมโมเลกุลใหม่ๆ เช่น “MELASYL” เพื่อแก้ปัญหาจุดด่างดำโดยเฉพาะ แสดงให้เห็นว่าอุตสาหกรรมกำลังมุ่งหน้าสู่การมอบโซลูชันที่แม่นยำและเป็นส่วนตัวมากขึ้นให้กับผู้บริโภค ไม่ใช่แค่การนำเสนอผลิตภัณฑ์แบบ mass production อีกต่อไป
ในยุคดิจิทัล การตลาดแบบเดิมไม่เพียงพออีกต่อไป การที่แบรนด์วางกลยุทธ์การรุกตลาดในไทยโดยเน้นการ "ส่งต่อความรู้โดยตรง" การใช้พลังของ "อินฟลูเอนเซอร์" เพื่อถ่ายทอดข้อมูลทางการแพทย์ในรูปแบบที่เข้าใจง่าย และการทำงานร่วมกับ "ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ" แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคยุคใหม่ต้องการข้อมูลที่น่าเชื่อถือจากแหล่งที่มาที่น่าไว้วางใจ การสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่งจึงต้องผสมผสานระหว่างการตลาดเชิงรุกเข้ากับการสร้างความน่าเชื่อถือทางวิทยาศาสตร์
ผู้บริโภคยุคปัจจุบันไม่เพียงแต่พิจารณาจากคุณภาพของสินค้า แต่ยังให้ความสำคัญกับ "คุณค่าของแบรนด์" และ "พันธกิจเพื่อสังคม" การที่แบรนด์ชั้นนำหันมาให้ความสำคัญกับความยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นการใช้พลังงานหมุนเวียนในการผลิต หรือการตั้งเป้าหมายที่จะใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกรีไซเคิล 100% รวมถึงการดำเนินโครงการสนับสนุนผู้ป่วยโรคมะเร็ง ถือเป็นการตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่มองหาแบรนด์ที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความผูกพันกับแบรนด์ในระยะยาว