“สุทธิสาร จิราธิวัฒน์” ชี้เศรษฐกิจผันผวน-สงคราม กระทบระยะสั้น มั่นใจไม่ยืดเยื้อ

24 มิ.ย. 2568 | 08:46 น.
อัปเดตล่าสุด :24 มิ.ย. 2568 | 09:03 น.

เซ็นทรัล รีเทล ปรับเกมรุกครึ่งปีหลัง 2568 ซีอีโอคนใหม่ “สุทธิสาร จิราธิวัฒน์” ชี้เศรษฐกิจผันผวน เดินหน้าเจาะลูกค้า "เมนสตรีม" หวังรัฐช่วยลดต้นทุนพื้นฐาน

นายสุทธิสาร จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC เปิดเผย ถึงภาพรวมสถานการณ์เศรษฐกิจที่ยังคงมีความผันผวนสูง โดยยอมรับว่าเศรษฐกิจโดยรวมไม่ได้เติบโตเหมือนในอดีต แต่ CRC ยังคงเดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมปรับกลยุทธ์เจาะตลาดลูกค้าระดับกลางหรือ "เมนสตรีม" มากขึ้น ด้วยโปรโมชั่นและสินค้าที่เข้าถึงง่ายขึ้น รวมถึงเรียกร้องภาครัฐให้ช่วยดูแลต้นทุนพื้นฐานเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อในระยะสั้น

“สุทธิสาร จิราธิวัฒน์” ชี้เศรษฐกิจผันผวน-สงคราม กระทบระยะสั้น มั่นใจไม่ยืดเยื้อ

“ปัจจุบันเรามีฐานลูกค้าของ The1 ประมาณ 26 ล้านคน เป็นกลุ่มลูกค้ากลุ่มเมนสตรีม หรือกลุ่มระดับกลาง-ล่าง สัดส่วน 50% แต่มีรายได้จากกลุ่มนี้ประมาณ 20% ทำให้เราเห็นโอกาสของการกระตุ้นการจับจ่ายของกลุ่มเมนสตรีมมากขึ้น”

ทั้งนี้นายสุทธิสารได้ฉายภาพสถานการณ์ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลัง 2568 ยอมรับว่าเห็นการชะลอตัวของกำลังซื้อตั้งแต่ประมาณเดือนเมษายนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามสถานการณ์ของโลก เชื่อว่าปัจจัยจากสงครามโลกหรือเหตุการณ์ไม่คาดฝันอื่นๆ จะเป็นเพียงช่วงสั้นๆ และสถานการณ์จะกลับมาปกติในระยะยาว

“สุทธิสาร จิราธิวัฒน์” ชี้เศรษฐกิจผันผวน-สงคราม กระทบระยะสั้น มั่นใจไม่ยืดเยื้อ

“ผมเชื่อว่าภาครัฐมีบทบาทสำคัญในการประคับประคองเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการดูแลค่าใช้จ่ายพื้นฐานของประชาชน เช่น ค่าน้ำมัน ค่าไฟฟ้า ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่รัฐบาลสามารถดำเนินการได้ ภาคเอกชนเองก็มีหน้าที่กระตุ้นกำลังซื้อและประคองเศรษฐกิจไปพร้อม ๆ กัน นอกจากนี้ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นของภาครัฐ เช่น โครงการ "ช้อปดีมีคืน" หรือโครงการอื่น ๆ จะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อได้เร็ว ส่วนการช่วยเหลือหนี้สินจะส่งผลดีในระยะยาว”

ในด้านการท่องเที่ยว นายสุทธิสารเห็นว่าควรเน้นการนำเข้า "นักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ" เช่น จากยุโรป อเมริกา และออสเตรเลีย แม้ว่าปัจจุบันจะมีนักท่องเที่ยวจีนและรัสเซีย รวมถึงนักท่องเที่ยวอินเดียที่เข้ามาทดแทนกลุ่มอื่นๆ แต่ธุรกิจของ CRC ยังคงพึ่งพาลูกค้าในประเทศเป็นหลัก โดยสัดส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติยังคงเป็นตัวเลขหลักเดียว

นอกจากนี้นายสุทธฺสาร ส่งสารถึงสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางการเมืองไทย และสถานกาณ์สงครามในต่างประเทศ ว่า  “ผมมองว่าปัจจัยเสี่ยงเรื่องการเมืองนั้นเราเจอมาหลายต่อหลายครั้ง ส่วนสงครามคาดว่าไม่ยืดเยื้อส่งผลกระทบแค่ระยะยสั้นเท่านั้นแต่ไม่มากมาย แผนธุรกิจของเรายังยืนยันว่าการขยายสาขาอย่างต่อเนื่องในช่วง 3 ปีข้างหน้า จะช่วยให้ CRC ยังคงรักษาระดับการจ้างงานพนักงานกว่า 60,000-65,000 คนใน 3 ประเทศ โดยไม่มีความเสี่ยงที่จะปรับลดกำลังคน แม้เศรษฐกิจจะชะลอตัวและสถานการณ์การเมืองไม่นิ่งก็ตาม”

นอกจากนี้เซ็นทรัล รีเทล เปิดเกมรุก! ทุ่มงบ 3 ปีกว่า 45,000 ลบ. เดินหน้ากลยุทธ์ “New Heights,Next Growth” เสริมแกร่ง Synergy เร่งขยายตลาดไทย-เวียดนามเต็มสปีด! ยกระดับศักยภาพองค์กรสู่การเติบโตครั้งใหม่ตลอดช่วงปี 2568-2570

“สุทธิสาร จิราธิวัฒน์” ชี้เศรษฐกิจผันผวน-สงคราม กระทบระยะสั้น มั่นใจไม่ยืดเยื้อ

ธุรกิจของเซ็นทรัล รีเทล ครอบคลุมทั้งหมด 4 กลุ่มธุรกิจ

1. กลุ่มฟู้ด มุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าอุปโภค-บริโภค วัตถุดิบอาหาร รวมถึงสินค้าและบริการด้านสุขภาพคนและสัตว์เลี้ยง ภายใต้แบรนด์ค้าปลีกและค้าส่งต่าง ๆ  เช่น ท็อปส์ ท็อปส์ ฟู้ดฮอลล์ ท็อปส์ ไฟน์ ฟู้ด ท็อปส์ เดลี่ ท็อปส์แคร์ และโก โฮลเซลล์ ในประเทศไทย ส่วนประเทศเวียดนาม ได้แก่ บิ๊กซี/ โก (GO!) ท็อปส์ มาร์เก็ต มินิ โก (go!) และ ลานชี มาร์ท

2. กลุ่มฮาร์ดไลน์ มุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าตกแต่งและปรับปรุงบ้าน สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องเขียนและอุปกรณ์สำนักงาน หนังสือ และ e-Book ภายใต้แบรนด์ค้าปลีกต่าง ๆ เช่น ไทวัสดุ  ไทวัสดุ x บีเอ็นบี โฮม บีเอ็นบี โฮม เพาเวอร์บาย ออฟฟิศเมท บีทูเอส เมพ และเหงียนคิม

3. กลุ่มแฟชั่น มุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าเครื่องแต่งกาย และเครื่องประดับภายใต้แบรนด์ค้าปลีกต่าง ๆ เช่น ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ห้างสรรพสินค้ารีนาเชนเต ซูเปอร์สปอร์ต และ เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป

4. กลุ่มพร็อพเพอร์ตี้ มุ่งเน้นการให้เช่าพื้นที่ สำหรับร้านค้าของกลุ่มบริษัทฯ และร้านค้าและบริการของบุคคลภายนอก เช่น โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ท็อปส์ พลาซ่า และ บิ๊กซี / GO! เวียดนาม

สำหรับแผนการลงทุน 3 ปี (2568-2570) เซ็นทรัล รีเทล เตรียมงบประมาณกว่า 45,000 - 47,000 ล้านบาท โดยตั้งเป้าที่จะเปิดสาขาใหม่ทั้งในรูปแบบขนาดกลางและขนาดใหญ่ในประเทศไทยและเวียดนามรวมกว่า 55-69 สาขา ประกอบด้วย:

  • Department Store เพิ่มอีก 1-2 แห่ง (ปัจจุบันมี 76 แห่ง)
  • TOPS เพิ่มอีก 1-2 แห่ง (ปัจจุบันมี 175 แห่ง)
  • ไทวัสดุ เพิ่มอีก 13-16 แห่ง (ปัจจุบันมี 86 แห่ง)
  • Robinson Lifestyle เพิ่มอีก 2-3 แห่ง (ปัจจุบันมี 28 แห่ง)
  • GO WHOLESALE เพิ่มอีก 4-6 แห่ง (ปัจจุบันมี 42 แห่ง)
  • mini go เพิ่มอีก 12-15 แห่ง (ปัจจุบันมี 14 แห่ง)

นอกจากนี้ยังได้มุ่งเน้นไปที่ตลาดประเทศเวียดนามด้วย เพราะมองว่าเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง โดย GDP คาดว่าจะเติบโตในปีนี้มากถึง 5.2% เลยทีเดียว ซึ่งเซ็นทรัลได้เข้าไปทำการตลาด ปัจจุบันมีสาขา 34 สาขา ใน 26 จังหวัดทั่วประเทศเวียดนาม โดยฟอร์แมตที่แข็งแรงมากที่สุดคือ Go! (ไฮเปอร์มาเก็ต) รวมทั้ง go! (mini go) และสร้าง Mall ที่จะผนวกรวมเข้ากับแหล่งอาหารได้อย่างลงตัว

“สุทธิสาร จิราธิวัฒน์” ชี้เศรษฐกิจผันผวน-สงคราม กระทบระยะสั้น มั่นใจไม่ยืดเยื้อ

นายสุทธิสารและทีมงานตั้งเป้าการเติบโตของรายได้และกำไรในอัตรา 5% ต่อปีโดยเฉลี่ยแม้ปีนี้จะเป็นปีที่ไม่ง่ายสำหรับธุรกิจ แต่เชื่อมั่นว่าจะสามารถสร้างการเติบโตให้กับ CRC รวมถึงลูกค้า คู่ค้า พนักงาน สังคม และผู้ถือหุ้น/นักลงทุน ตามแผนที่วางไว้