นายสุทธิสาร จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC เปิดเผย ถึงภาพรวมสถานการณ์เศรษฐกิจที่ยังคงมีความผันผวนสูง โดยยอมรับว่าเศรษฐกิจโดยรวมไม่ได้เติบโตเหมือนในอดีต แต่ CRC ยังคงเดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมปรับกลยุทธ์เจาะตลาดลูกค้าระดับกลางหรือ "เมนสตรีม" มากขึ้น ด้วยโปรโมชั่นและสินค้าที่เข้าถึงง่ายขึ้น รวมถึงเรียกร้องภาครัฐให้ช่วยดูแลต้นทุนพื้นฐานเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อในระยะสั้น
“ปัจจุบันเรามีฐานลูกค้าของ The1 ประมาณ 26 ล้านคน เป็นกลุ่มลูกค้ากลุ่มเมนสตรีม หรือกลุ่มระดับกลาง-ล่าง สัดส่วน 50% แต่มีรายได้จากกลุ่มนี้ประมาณ 20% ทำให้เราเห็นโอกาสของการกระตุ้นการจับจ่ายของกลุ่มเมนสตรีมมากขึ้น”
ทั้งนี้นายสุทธิสารได้ฉายภาพสถานการณ์ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลัง 2568 ยอมรับว่าเห็นการชะลอตัวของกำลังซื้อตั้งแต่ประมาณเดือนเมษายนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามสถานการณ์ของโลก เชื่อว่าปัจจัยจากสงครามโลกหรือเหตุการณ์ไม่คาดฝันอื่นๆ จะเป็นเพียงช่วงสั้นๆ และสถานการณ์จะกลับมาปกติในระยะยาว
“ผมเชื่อว่าภาครัฐมีบทบาทสำคัญในการประคับประคองเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการดูแลค่าใช้จ่ายพื้นฐานของประชาชน เช่น ค่าน้ำมัน ค่าไฟฟ้า ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่รัฐบาลสามารถดำเนินการได้ ภาคเอกชนเองก็มีหน้าที่กระตุ้นกำลังซื้อและประคองเศรษฐกิจไปพร้อม ๆ กัน นอกจากนี้ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นของภาครัฐ เช่น โครงการ "ช้อปดีมีคืน" หรือโครงการอื่น ๆ จะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อได้เร็ว ส่วนการช่วยเหลือหนี้สินจะส่งผลดีในระยะยาว”
ในด้านการท่องเที่ยว นายสุทธิสารเห็นว่าควรเน้นการนำเข้า "นักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ" เช่น จากยุโรป อเมริกา และออสเตรเลีย แม้ว่าปัจจุบันจะมีนักท่องเที่ยวจีนและรัสเซีย รวมถึงนักท่องเที่ยวอินเดียที่เข้ามาทดแทนกลุ่มอื่นๆ แต่ธุรกิจของ CRC ยังคงพึ่งพาลูกค้าในประเทศเป็นหลัก โดยสัดส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติยังคงเป็นตัวเลขหลักเดียว
นอกจากนี้นายสุทธฺสาร ส่งสารถึงสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางการเมืองไทย และสถานกาณ์สงครามในต่างประเทศ ว่า “ผมมองว่าปัจจัยเสี่ยงเรื่องการเมืองนั้นเราเจอมาหลายต่อหลายครั้ง ส่วนสงครามคาดว่าไม่ยืดเยื้อส่งผลกระทบแค่ระยะยสั้นเท่านั้นแต่ไม่มากมาย แผนธุรกิจของเรายังยืนยันว่าการขยายสาขาอย่างต่อเนื่องในช่วง 3 ปีข้างหน้า จะช่วยให้ CRC ยังคงรักษาระดับการจ้างงานพนักงานกว่า 60,000-65,000 คนใน 3 ประเทศ โดยไม่มีความเสี่ยงที่จะปรับลดกำลังคน แม้เศรษฐกิจจะชะลอตัวและสถานการณ์การเมืองไม่นิ่งก็ตาม”
นอกจากนี้เซ็นทรัล รีเทล เปิดเกมรุก! ทุ่มงบ 3 ปีกว่า 45,000 ลบ. เดินหน้ากลยุทธ์ “New Heights,Next Growth” เสริมแกร่ง Synergy เร่งขยายตลาดไทย-เวียดนามเต็มสปีด! ยกระดับศักยภาพองค์กรสู่การเติบโตครั้งใหม่ตลอดช่วงปี 2568-2570
1. กลุ่มฟู้ด มุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าอุปโภค-บริโภค วัตถุดิบอาหาร รวมถึงสินค้าและบริการด้านสุขภาพคนและสัตว์เลี้ยง ภายใต้แบรนด์ค้าปลีกและค้าส่งต่าง ๆ เช่น ท็อปส์ ท็อปส์ ฟู้ดฮอลล์ ท็อปส์ ไฟน์ ฟู้ด ท็อปส์ เดลี่ ท็อปส์แคร์ และโก โฮลเซลล์ ในประเทศไทย ส่วนประเทศเวียดนาม ได้แก่ บิ๊กซี/ โก (GO!) ท็อปส์ มาร์เก็ต มินิ โก (go!) และ ลานชี มาร์ท
2. กลุ่มฮาร์ดไลน์ มุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าตกแต่งและปรับปรุงบ้าน สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องเขียนและอุปกรณ์สำนักงาน หนังสือ และ e-Book ภายใต้แบรนด์ค้าปลีกต่าง ๆ เช่น ไทวัสดุ ไทวัสดุ x บีเอ็นบี โฮม บีเอ็นบี โฮม เพาเวอร์บาย ออฟฟิศเมท บีทูเอส เมพ และเหงียนคิม
3. กลุ่มแฟชั่น มุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าเครื่องแต่งกาย และเครื่องประดับภายใต้แบรนด์ค้าปลีกต่าง ๆ เช่น ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ห้างสรรพสินค้ารีนาเชนเต ซูเปอร์สปอร์ต และ เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป
4. กลุ่มพร็อพเพอร์ตี้ มุ่งเน้นการให้เช่าพื้นที่ สำหรับร้านค้าของกลุ่มบริษัทฯ และร้านค้าและบริการของบุคคลภายนอก เช่น โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ท็อปส์ พลาซ่า และ บิ๊กซี / GO! เวียดนาม
สำหรับแผนการลงทุน 3 ปี (2568-2570) เซ็นทรัล รีเทล เตรียมงบประมาณกว่า 45,000 - 47,000 ล้านบาท โดยตั้งเป้าที่จะเปิดสาขาใหม่ทั้งในรูปแบบขนาดกลางและขนาดใหญ่ในประเทศไทยและเวียดนามรวมกว่า 55-69 สาขา ประกอบด้วย:
นอกจากนี้ยังได้มุ่งเน้นไปที่ตลาดประเทศเวียดนามด้วย เพราะมองว่าเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง โดย GDP คาดว่าจะเติบโตในปีนี้มากถึง 5.2% เลยทีเดียว ซึ่งเซ็นทรัลได้เข้าไปทำการตลาด ปัจจุบันมีสาขา 34 สาขา ใน 26 จังหวัดทั่วประเทศเวียดนาม โดยฟอร์แมตที่แข็งแรงมากที่สุดคือ Go! (ไฮเปอร์มาเก็ต) รวมทั้ง go! (mini go) และสร้าง Mall ที่จะผนวกรวมเข้ากับแหล่งอาหารได้อย่างลงตัว
นายสุทธิสารและทีมงานตั้งเป้าการเติบโตของรายได้และกำไรในอัตรา 5% ต่อปีโดยเฉลี่ยแม้ปีนี้จะเป็นปีที่ไม่ง่ายสำหรับธุรกิจ แต่เชื่อมั่นว่าจะสามารถสร้างการเติบโตให้กับ CRC รวมถึงลูกค้า คู่ค้า พนักงาน สังคม และผู้ถือหุ้น/นักลงทุน ตามแผนที่วางไว้