บิวตี้ไทยโตแรง! BEAUTRIUM ลูกค้ากลับซื้อซ้ำ 40% หนุนตลาดบิวตี้ 2.81 แสนล้าน

18 มิ.ย. 2568 | 08:00 น.
อัปเดตล่าสุด :18 มิ.ย. 2568 | 08:07 น.

ตลาดบิวตี้ไทยคึกคักทะลุ 2.81 แสนล้าน "BEAUTRIUM" ก้าวสู่ผู้นำค้าปลีกความงามระดับเอเชีย ชู "พรีเมียมแมส" และแบรนด์ไทยเป็นหัวหอก ดันเศรษฐกิจโตสวนกระแส ตั้งเป้าขยายครบ 100 สาขาภายในปี 2568

แม้เศรษฐกิจไทยจะเผชิญความท้าทาย แต่ตลาดความงามยังคงเติบโตสวนกระแสอย่างต่อเนื่อง โดย Euromonitor International คาดการณ์มูลค่าตลาดเครื่องสำอางไทยสูงถึง 2.81 แสนล้านบาทในปี 2567 เพิ่มขึ้น 10.4% จากปีก่อนหน้า และกลายเป็นหนึ่งใน 5 อุตสาหกรรมสำคัญที่ขับเคลื่อน GDP ของประเทศ

บิวตี้ไทยโตแรง! BEAUTRIUM ลูกค้ากลับซื้อซ้ำ 40% หนุนตลาดบิวตี้ 2.81 แสนล้าน

ท่ามกลางบรรยากาศที่คึกคักนี้ “BEAUTRIUM” บิวตี้รีเทลสัญชาติไทย สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ด้วยการคว้ารางวัล "Cosmetics Retailer of the Year" จากเวที Retail Asia Awards 2025 ที่สิงคโปร์ ตอกย้ำศักยภาพธุรกิจค้าปลีกความงามของไทยที่ก้าวสู่ระดับสากล และย้ำจุดยืนสำคัญในการผลักดันแบรนด์ไทยให้เป็นหัวใจหลักในการสร้างยอดขาย

"BEAUTRIUM" กับโมเดลธุรกิจที่เข้าใจทุกความงาม

นายจิรวุฒิ โรจน์รัตนวลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิวเทรี่ยม จำกัด กล่าวว่า รางวัลที่ได้รับสะท้อนความสำเร็จของโมเดลธุรกิจที่ไม่ได้มองเพียงแค่การขายสินค้า แต่เป็นการ "สร้างพื้นที่ที่ทุกคนรู้สึกเป็นตัวเอง" โดย BEAUTRIUM วางตำแหน่งตัวเองเป็น "Beauty Companion – เพื่อนทุกความสวย" ซึ่งหมายถึงการทลายกำแพงการเข้าถึงเครื่องสำอางคุณภาพ โดยเชื่อว่า "เครื่องสำอางไม่มีชนชั้น" (Cosmetic Equality) ทำให้ทุกคนเข้าถึงแบรนด์ดังทั้งไทยและต่างประเทศได้ในทุกระดับราคา

บิวตี้ไทยโตแรง! BEAUTRIUM ลูกค้ากลับซื้อซ้ำ 40% หนุนตลาดบิวตี้ 2.81 แสนล้าน

ปัจจุบัน BEAUTRIUM มีสัดส่วนสินค้าแบ่งเป็นสกินแคร์ 37%, เมคอัพ 35% และน้ำหอมและอื่นๆ 8% โดยหมวด "เมคอัพ" ยังคงได้รับความนิยมสูงสุด สะท้อนถึงเทรนด์และพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคที่เน้นการแต่งเติมสีสันและความงามบนใบหน้า

5 กลยุทธ์ขับเคลื่อน "BEAUTRIUM" สู่เป้าผู้นำตลาด

Comprehensive Retail Network สร้างเครือข่ายร้านค้าที่แข็งแกร่งด้วย 72 สาขาทั่วประเทศ ตั้งเป้าขยายครบ 100 สาขาภายในปี 2568 พร้อมระบบซัพพลายเชนที่รวดเร็วและครอบคลุมทั้งในเขตเมืองและต่างจังหวัด นอกจากนี้ยังลงทุนในช่องทางออนไลน์เต็มรูปแบบ ทั้งเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน และ Marketplace รวมถึงบริการ Quick Commerce ผ่าน GrabMart ที่จัดส่งสินค้าได้ใน 25 นาที ตอบโจทย์ความต้องการความรวดเร็วของผู้บริโภค

Data-Driven Store Clustering ใช้ข้อมูลเชิงลึกวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค พื้นที่ตั้งสาขา ความนิยมสินค้า และเทรนด์ เพื่อจัดวางสินค้าให้ตรงกับความต้องการเฉพาะของแต่ละพื้นที่ (Cluster Model) เช่น สาขาในเมืองเน้น K-Beauty และสินค้ากระแส ส่วนสาขาในท้องถิ่นเน้นผลิตภัณฑ์ที่ใช้งานได้จริงและราคาจับต้องได้

Trend Setter เป็นผู้นำเทรนด์ด้วยการเปิดตัวแบรนด์ Exclusive กว่า 41 แบรนด์ในปี 2567 ซึ่งหลายแบรนด์เป็นการเปิดตัวครั้งแรกในไทย ครอบคลุมทั้งไอเทมไวรัล, คลีนบิวตี้, ผลิตภัณฑ์ความงามสำหรับผู้ชาย และแบรนด์ยอดนิยมจากทั่วเอเชีย ปัจจุบันมีสินค้ากว่า 2,000 แบรนด์ และ 100,000 SKU ครอบคลุมทุกระดับราคา

Inspiring Experience สร้างประสบการณ์ช้อปปิ้งที่กระตุ้นแรงบันดาลใจ ด้วยการออกแบบร้านที่แตกต่าง กระตุ้นให้ลูกค้าได้สำรวจและทดลองแบรนด์ใหม่ๆ พร้อมแคมเปญโปรโมชันที่หลากหลาย และ Loyalty Program อย่าง The 1 รวมถึงการจัดกิจกรรมและอีเวนต์อย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างความผูกพันกับลูกค้า

Open Collaboration เน้นความร่วมมือกับพันธมิตรทุกภาคส่วน ทั้งแบรนด์เจ้าของสินค้า ผู้จัดจำหน่าย ศูนย์การค้า KOLs และสื่อดิจิทัล เพื่อร่วมสร้างโอกาสทางธุรกิจและขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยในปี 2567 มีการจัดกิจกรรมร่วมกับพันธมิตรมากกว่า 800 ครั้ง ทั้ง Co-Campaign, Live Commerce และ Exclusive Launch Event

“แบรนด์ไทย” หัวใจสำคัญสู่การเติบโตในระดับภูมิภาค

BEAUTRIUM ให้ความสำคัญกับการสนับสนุนอุตสาหกรรมความงามภายในประเทศอย่างยิ่ง โดยเป็นแบรนด์ที่ก่อตั้งและบริหารโดยคนไทย มีบทบาทสำคัญในการยกระดับและขยายโอกาสของ แบรนด์ไทยสู่ตลาดภูมิภาค ปัจจุบันมีแบรนด์ไทยวางจำหน่ายในร้านมากกว่า 500 แบรนด์ และคิดเป็น กว่าครึ่งหนึ่งของยอดขายทั้งหมด สะท้อนถึงความตั้งใจในการผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ด้านความงามของไทยให้ก้าวไกลสู่เวทีโลก

บิวตี้ไทยโตแรง! BEAUTRIUM ลูกค้ากลับซื้อซ้ำ 40% หนุนตลาดบิวตี้ 2.81 แสนล้าน

นายอติโรจน์ โรจน์รัตนวลี ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด บริษัท บิวเทรี่ยม จำกัด เสริมว่า BEAUTRIUM วัดผลสำเร็จจากความพึงพอใจของลูกค้าเป็นหลัก ไม่ใช่แค่การขยายสาขา โดยมีฐานสมาชิกเติบโตเป็นกว่า 1 ล้านคนในปี 2567 และมีอัตราการกลับมาใช้บริการสูงถึง 40% ภายใน 5 เดือนแรกของปี 2568 นอกจากนี้ มูลค่าการซื้อต่อครั้งยังเพิ่มขึ้น 5% อย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นถึงความไว้วางใจที่ลูกค้ามีต่อแบรนด์

ด้วยโมเดลธุรกิจที่แข็งแกร่ง การผสานเทคโนโลยี ความเข้าใจผู้บริโภคอย่างลึกซึ้ง และการสนับสนุนแบรนด์ไทย BEAUTRIUM จึงพร้อมนำพาวงการบิวตี้ไทยก้าวสู่ตำแหน่งผู้นำในภูมิภาคเอเชีย และพิสูจน์ว่าแบรนด์ไทยสามารถสร้างมาตรฐานใหม่และเป็นผู้นำในตลาดสากลได้อย่างแท้จริง