นายกวี สระกวี นายกสมาคมธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไทย เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงปัญหาใหญ่ของ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 ที่บังคับใช้มานานกว่า 17 ปี ว่า กฎหมายดังกล่าวมี ช่องโหว่และความคลุมเครือ หลายประการ ส่งผลให้การบังคับใช้เป็นไปอย่างเข้มงวดและตีความได้หลากหลาย สร้างความไม่สะดวกอย่างมากแก่ทั้งผู้ประกอบการและผู้บริโภค
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา การกำกับดูแลอาศัยกลไกของคณะกรรมการควบคุมและนโยบายเป็นหลัก เนื่องจากตัวกฎหมายเองไม่ได้ระบุรายละเอียดที่ชัดเจน ทำให้เกิดการตีความที่แตกต่างกัน และนำไปสู่ข้อพิพาทและการฟ้องร้องหลายคดี โดยเฉพาะกรณีการโพสต์ภาพหรือข้อความในโซเชียลมีเดียที่อาจถูกตีความว่าเป็นการโฆษณาชักจูงให้ดื่ม แม้จะไม่ได้ระบุชัดเจนว่าเป็นโฆษณา ทำให้ผู้ที่ถูกฟ้องร้องต้องเสียค่าใช้จ่ายในการต่อสู้คดีจำนวนมาก และหลายคนเลือกที่จะยอมรับโทษเพื่อหลีกเลี่ยงภาระ ซึ่งสะท้อนความเข้มงวดและความไม่แน่นอนในการตีความกฎหมายนี้
ทั้งนี้ปัญหาของกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เรื่องการโฆษณา แต่ยังรวมถึงเรื่องการผลิตและการจำหน่ายด้วย โดยเฉพาะในช่วงปี 2561-2562 ที่ประเด็นเกี่ยวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กลายเป็นเรื่องระดับชาติ จึงมีความจำเป็นอย่างเร่งด่วนในการแก้ไขกฎหมายที่ครอบคลุมทั้งระบบ ไม่ใช่เพียงส่วนใดส่วนหนึ่ง เพราะหากแก้ไขเพียงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง อาจทำให้ผู้ผลิตไม่สามารถจำหน่ายสินค้าได้ เนื่องจากขาดการสื่อสารและการเข้าถึงตลาด
“ปัจจุบัน กระบวนการผลิตแบ่งเป็น 2 ส่วนหลัก คือ ผู้ผลิตรายใหญ่ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของกฎหมาย และการผลิตในระดับชุมชนหรือท้องถิ่น ซึ่งทั้งสองส่วนต่างเผชิญปัญหาจากกฎหมายที่เข้มงวด การแก้ไขกฎหมายจึงต้องครอบคลุมทั้งสองส่วนเพื่อแก้ปัญหาได้อย่างสมบูรณ์”
นายกวี กล่าวถึงความพยายามของ รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ที่แสดงให้เห็นถึงความจริงจังในการแก้ไขปัญหาอย่างเข้าใจว่าจำเป็นต้องแก้ไขทั้งระบบ ไม่ใช่แค่ส่วนใดส่วนหนึ่ง จึงมีการผลักดันร่างกฎหมายเพื่อแก้ไขทั้งในเรื่องการผลิต การจำหน่าย และการโฆษณา ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง เนื่องจากก่อนหน้านี้ประเด็นนี้มักถูกหยิบยกขึ้นมาพูดคุยโดยฝ่ายค้านเป็นส่วนใหญ่
“จริง ๆ เราก็ควรให้เครดิตรัฐบาลชุดนี้เช่นกัน ช่วงเวลา 4 เดือนแก้กฎหมายเกี่ยวกับแอลกอฮอล์ไปเพียบ ถือว่าเป็นรัฐบาลที่ปรับแก้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับแอลกอฮอลล์มากที่สุดในแง่การเร่งแก้ไขทั้งเรื่องการผลิต เรื่องการขาย เรื่องการโฆษณา แล้วก็ผลักดันทั้งนี้ออกมาอย่างมีขั้นมีตอน มีการประชุม มีการพูดถึงในหลายมิติทำให้เราเชื่อมั่นว่าจะสามารถออกกฎหมายที่ครอบคลุมสอดคล้องและเป็นรูธรรม”
ในช่วงที่ผ่านมา มีประเด็นสำคัญๆ เกี่ยวกับกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 4 ประเด็น ได้แก่ การจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันหยุดนักขัตฤกษ์, การจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ (อีคอมเมิร์ซ), การจำหน่ายคราฟต์เบียร์นอกสถานที่ และเรื่องเวลาจำกัดการจำหน่าย (14:00-17:00 น.) -ซึ่งแต่ละประเด็นมีความซับซ้อนและต้องมีการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องแตกต่างกันออกไป บางส่วนเป็นกฎหมาย บางส่วนเป็นประกาศหรือข้อบังคับ แต่รัฐบาลก็ได้พยายามแก้ไขกฎหมายสำคัญๆ ที่ต้องผ่านสภาผู้แทนราษฎรให้แล้วเสร็จ
“อีคอมเมิร์ซ หัวใจสำคัญสู่ความปลอดภัยและการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรม ถือเป็นประเด็นที่น่าสนใจเป็นพิเศษ เนื่องจากแรงกระเพื่อมนั้นสามารถสะเทือนทั้งอุตสาหกรรม เกี่ยว้นื่องไปถึงกฎหมายห้ามโฆษณา หากสามารถปลดล็อกช่องทางนี้ได้ จะส่งผลกระทบอย่างมากต่ออุตสาหกรรม โดยสมาคมฯ หวังว่าจะช่วยให้การบริโภคปลอดภัยมากขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคไม่จำเป็นต้องขับรถไปซื้อ หรือเดินทางกลับบ้านดึก แต่ก็ยังมีความกังวลเรื่องการโฆษณาชักจูง และการตรวจสอบอายุผู้บริโภค”
รัฐบาลได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาศึกษาเรื่องอีคอมเมิร์ซ โดยไม่ต้องผ่านสภา ซึ่งจะทำให้สามารถดำเนินการได้รวดเร็วขึ้น คณะทำงานจะศึกษาแนวทางปฏิบัติที่ดีจากต่างประเทศ และรับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดมาตรการต่างๆ เช่น การตรวจสอบอายุ และวิธีการจัดส่ง เพื่อให้การจำหน่ายผ่านอีคอมเมิร์ซเป็นไปอย่างถูกต้องและปลอดภัย
นอกจากนี้ การแก้ไขกฎหมายการสื่อสารก็มีความสำคัญ เนื่องจากภายใต้กฎหมายปัจจุบัน แม้แต่การแสดงภาพเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในเว็บไซต์ก็อาจถูกตีความว่าเป็นการโฆษณาได้ ซึ่งจะทำให้การจำหน่ายสินค้าออนไลน์มีความเสี่ยงสูง หากอีคอมเมิร์ซถูกกฎหมาย แต่กฎหมายการสื่อสารยังไม่เปลี่ยนแปลง ก็จะทำให้เกิดปัญหาได้
ขณะที่เรื่องของการจำกัดเวลาขาย (ช่วง 14:00-17:00 น.) หลายฝ่ายเห็นตรงกันว่าควรยกเลิก เนื่องจากไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติที่อาจไม่เข้าใจกฎหมาย การยกเลิกเวลาจำกัดการขายจะช่วยให้ธุรกิจการท่องเที่ยวสะดวกยิ่งขึ้น แต่ก็จำเป็นต้องมีการออกกฎหมายหรือคำสั่งใหม่ เพื่อกำหนดเวลาการขายที่ชัดเจน และเป็นการสร้างความสมดุลระหว่างการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการควบคุมการบริโภคแอลกอฮอล์ การยกเลิกเวลาขาย (ช่วง14:00-17:00 น.) –ปลดล็อกวันหยุดนักขัตฤกษ์ (วันพระใหญ่) หนุนท่องเที่ยว-เศรษฐกิจ
สำหรับวันหยุดนักขัตฤกษ์ (วันพระใหญ่) การปลดล็อกการจำหน่ายอาจจำกัดเฉพาะพื้นที่ท่องเที่ยว เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยในพื้นที่อื่นๆ ทั้งนี้ การปรับเปลี่ยนกฎหมายและข้อบังคับต่างๆ จำเป็นต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อผู้ประกอบการและผู้บริโภค โดยเน้นการสร้างวัฒนธรรมการบริโภคอย่างมีความรับผิดชอบ เพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างการส่งเสริมเศรษฐกิจและการควบคุมการบริโภคแอลกอฮอล์ โดยเน้นการสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับทั้งผู้ประกอบการและผู้บริโภค เพื่อให้สามารถบริโภคและจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้อย่างมีความรับผิดชอบ
ทั้งนี้ภาพรวมตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในไทยมีมูลค่ากว่า 3 แสนล้านบาท ซึ่งตลาดสุรานำเข้าในไทยยังซบเซาเนื่องจากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดน้อยลง นักดื่มเปลี่ยนไปเลือกซื้อสินค้าที่ราคาถูกลง ซึ่งสถานบันเทิงกลางคืนคือสถานที่ที่จะสามารถทำให้เหล้า รวมถึงสุราพรีเมี่ยมของไทยกลับมาเติบโตได้ ผ่านการจัดระเบียบ โซนนิ่งห้ามขายใหม่ ขยายเวลาปิด-เปิดให้เท่าเทียมกัน และผ่อนปรนการจำหน่ายผ่านช่องทางอิเล็คทรอนิกส์ อย่างไรก็ดีการปลดล็อก คาดการณ์จะเพิ่มเงินใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจจากนักท่องเที่ยวต่างชาติและคนไทยผ่านการใช้บริการที่เกี่ยวข้อง ทันทีกว่า 5 หมื่นล้านบาท หากรวมกับช่วงเทศกาลจะเพิ่มเป็น 1 แสนล้านบาท ได้ภายใน 1 ปี
หน้า 15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,105 วันที่ 15 - 18 มิถุนายน พ.ศ. 2568