เปิดศึกบัลลังก์หม้อร้อน ตลาดสุกี้ฝุ่นตลบ MK สาดบุฟเฟต์ ท้ารบ ตี๋น้อย

11 มิ.ย. 2568 | 07:59 น.
อัปเดตล่าสุด :11 มิ.ย. 2568 | 08:30 น.

สมรภูมิสุกี้เดือด! "MK" สาดโปรบุฟเฟต์ 299 บาท ท้าชน "ตี๋น้อย" ที่ไม่ยอมน้อยหน้า งัดไม้เด็ด 199 บาทตอบโต้ทันควัน สะท้อนศึกชิงบัลลังก์หม้อร้อนมูลค่ามหาศาล ที่ผู้บริโภคคือผู้ชนะตัวจริงท่ามกลางการแข่งขันดุเดือดและกำลังซื้อที่ชะลอตัว

สมรภูมิสุกี้เมืองไทยกำลังระอุยิ่งกว่าน้ำซุปในหม้อ เมื่อสองผู้เล่นหลักในตลาดอย่าง "MK สุกี้" และ "สุกี้ตี๋น้อย" เปิดฉากสงครามราคาบุฟเฟต์อย่างดุเดือด MK แบรนด์สุกี้ระดับตำนานที่ครองตลาดมายาวนาน ประกาศท้าชนด้วยโปรโมชั่นบุฟเฟต์ 299 บาท ขณะที่สุกี้ตี๋น้อย ผู้ท้าชิงที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด ไม่ยอมน้อยหน้า งัดโปรโมชั่นลดราคาเหลือเพียง 199 บาท ตอบโต้ทันควัน สะท้อนถึงการแข่งขันที่เข้มข้นในตลาดหม้อร้อน ที่ผู้บริโภคคือผู้ได้รับประโยชน์สูงสุด

เปิดศึกบัลลังก์หม้อร้อน ตลาดสุกี้ฝุ่นตลบ MK สาดบุฟเฟต์ ท้ารบ ตี๋น้อย

ตลาดสุกี้ในประเทศไทยมีมูลค่ามหาศาล โดยมี "MK สุกี้" ภายใต้บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นเจ้าตลาด ครองส่วนแบ่งตลาดสุกี้เกินครึ่งด้วยสัดส่วน 60% จากมูลค่าตลาดสุกี้ชาบู 23,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตามในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตลาดสุกี้บุฟเฟต์ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม โดยเฉพาะการเกิดขึ้นของ "สุกี้ตี๋น้อย" แบรนด์บุฟเฟต์สุกี้แบบ Stand Alone ที่ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วด้วยราคาที่เข้าถึงง่ายและเวลาทำการที่ยาวนานกว่า ทำให้สามารถเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่และผู้มีรายได้จำกัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเริ่มเข้ามาแย่งส่วนแบ่งทางการตลาดของ MK อย่างมีนัยสำคัญ

MK งัดไม้เด็ด "บุฟเฟต์ 299 บาท" หวังกระตุ้นกำลังซื้อ

ในช่วงต้นเดือนมิถุนายน 2568 "MK สุกี้" ได้สร้างความฮือฮาด้วยการเปิดตัวโปรโมชั่น "MK Buffet อิ่มไม่อั้น" ในราคา 299 บาทสุทธิ (ระยะเวลา 90 นาที) โดยมีเมนูให้เลือกกว่า 19 รายการ รวมถึงเนื้อบริสเก็ตออสเตรเลีย หมูนุ่ม หมูสไลด์ และสาหร่ายทรงเครื่อง ซึ่งโปรโมชั่นนี้มีระยะเวลาจำกัดตั้งแต่วันที่ 9 - 30 มิถุนายน 2568 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภคในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจยังคงไม่สดใส และเร่งเครื่องรายได้เพิ่มขึ้น ถือเป็นการปรับกลยุทธ์ครั้งสำคัญของ MK ในการลงสนามบุฟเฟต์ ซึ่งเป็นสมรภูมิที่ตี๋น้อยเป็นผู้เชี่ยวชาญ

เปิดศึกบัลลังก์หม้อร้อน ตลาดสุกี้ฝุ่นตลบ MK สาดบุฟเฟต์ ท้ารบ ตี๋น้อย

การเคลื่อนไหวของ MK ในครั้งนี้ ได้รับผลตอบรับอย่างดีเยี่ยมในวันแรกที่เปิดโปรโมชั่น แม้จะมีรายงานปัญหาเรื่องการบริการล่าช้าและของหมดในบางสาขา แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความต้องการของผู้บริโภคในตลาดบุฟเฟต์ที่มีราคาย่อมเยา

"ตี๋น้อย" ไม่ยอมเสียบัลลังก์ ตอบโต้ด้วย "199 บาท"

ไม่รอช้า "สุกี้ตี๋น้อย" ซึ่งเข้าใจพฤติกรรมลูกค้าในตลาดบุฟเฟต์เป็นอย่างดี ได้ตอบโต้ทันควันด้วยการประกาศจัดโปรโมชั่นลดราคา เหลือเพียง 199 บาทต่อท่าน (ไม่รวมเครื่องดื่มและภาษีมูลค่าเพิ่ม) สำหรับวันจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่วันที่ 11 – 30 มิถุนายน 2568

เปิดศึกบัลลังก์หม้อร้อน ตลาดสุกี้ฝุ่นตลบ MK สาดบุฟเฟต์ ท้ารบ ตี๋น้อย

โดยโปรโมชั่นนี้จัดขึ้นเพื่อฉลองเพจเฟซบุ๊ก "สุกี้ตี๋น้อย" ที่มีผู้ติดตามครบ 1 ล้านคน ตี๋น้อยยังคงชูจุดแข็งเรื่องเมนูอาหารที่หลากหลายกว่าบุฟเฟต์ของ MK ที่เสนอในราคาใกล้เคียงกัน และยังคงรักษาเวลาทำการที่ยาวนาน (11.00 – 05.00 น.) ซึ่งเป็นจุดเด่นที่ทำให้ตี๋น้อยเติบโตอย่างก้าวกระโดด

วิเคราะห์ศึกสองยักษ์ ใครได้ ใครเสีย?

การทำสงครามราคาครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงการปรับตัวอย่างรวดเร็วของทั้งสองแบรนด์ในสภาวะตลาดที่มีการแข่งขันสูงและกำลังซื้อที่ชะลอตัว

MK ในฐานะผู้คุมบังลักก์ตลาด ปัจจุบันเปลี่ยนผ่านนำทัพด้วยทายาทเจน 2 ที่เข้ามาดูแลกิจการ ได้เปลี่ยนโฉมให้ MK สร้างสีสันมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันการลงสนามบุฟเฟต์เป็นความพยายามของ MK ในการขยายฐานลูกค้าและสกัดการเติบโตของคู่แข่งอย่างตี๋น้อย อย่างไรก็ตาม ด้วยโครงสร้างต้นทุนและค่าเช่าพื้นที่ในห้างสรรพสินค้าที่สูงกว่า ทำให้การดั๊มพ์ราคาลงมาใกล้เคียงกับตี๋น้อยอาจเป็นความท้าทายในระยะยาว นอกจากนี้ ความพร้อมด้านระบบบริการสำหรับรูปแบบบุฟเฟต์อาจต้องใช้เวลาปรับตัว

ขณะที่สุกี้ตี๋น้อย มีความได้เปรียบในเรื่องความเชี่ยวชาญในตลาดบุฟเฟต์ การควบคุมต้นทุน และการเลือกทำเลที่ตั้งในโซนชานเมือง ทำให้สามารถรักษาอัตรากำไรได้ดี แม้จะลดราคาลงมา แต่เป็นการลดเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับราคาปกติ และเมนูที่หลากหลายยังคงเป็นจุดแข็งสำคัญ

ข้อมูลผลประกอบการในปี 2567 เผยให้เห็นว่า "สุกี้ตี๋น้อย" มีรายได้ทะลุ 7,075 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 1,169 ล้านบาท ขณะที่ "เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป" มีรายได้ 15,809 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 1,442 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่าตี๋น้อยมีอัตรากำไรสุทธิที่สูงกว่า (16.5% เทียบกับ 9.1%) ซึ่งอาจเป็นปัจจัยที่ทำให้ตี๋น้อยมีความยืดหยุ่นในการทำสงครามราคามากกว่า

ไม่ว่าผลลัพธ์ของสงครามราคาในครั้งนี้จะออกมาเป็นอย่างไร สิ่งที่แน่นอนคือผู้บริโภคจะเป็นผู้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากการแข่งขันที่เข้มข้นนี้ ทั้งในเรื่องของราคาที่เข้าถึงง่ายขึ้น และตัวเลือกที่หลากหลายมากขึ้นในตลาดสุกี้และหม้อร้อนของไทย การปรับตัวและกลยุทธ์การตลาดที่สร้างสรรค์ของผู้ประกอบการจะเป็นปัจจัยสำคัญในการช่วงชิงบัลลังก์หม้อร้อนในสมรภูมิที่กำลังเดือดระอุนี้.