นางสาวสถาพร ไพศาลบูรพา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บูรพา พรอสเพอร์ จำกัด กล่าวว่า บริษัท บูรพา พรอสเพอร์ จำกัด เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประเภทแป้งข้าวดับดับ Top 3 ของไทย ด้วยส่วนแบ่งการตลาดราว 30% ภายใต้แบรนด์ “Burapa Prosper” (บูรพา พรอสเพอร์) และ “หมีคู่ดาว” ที่อยู่คู่ครัวไทยมากกว่า 49 ปี และส่งออกสู่ตลาดโลกกว่า 36 ประเทศ
ปัจจุบันบริษัทมีกลุ่มผลิตภัณฑ์หลัก 2 กลุ่ม ได้แก่
โดยแบรนด์ “Burapa Prosper” ถูกวางตำแหน่งเป็นทั้ง Corporate และ Product Brand ที่เน้นคุณภาพและนวัตกรรม เจาะตลาด B2B เป็นหลัก ขณะที่แบรนด์ “หมีคู่ดาว” พัฒนาเพื่อกลุ่ม B2C ที่เน้นความคุ้มค่าและรสสัมผัสที่โดนใจผู้บริโภค โดยทั้งสองแบรนด์ทำงานประสานกัน ตั้งแต่ระดับครัวเรือนไปจนถึงอุตสาหกรรมขนาดใหญ่
"จุดแข็งของเราคือความเชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านข้าวและแป้งมายาวนานกว่า 49 ปี ผนวกกับระบบการผลิตและควบคุมคุณภาพระดับสากล และทีมวิจัยและพัฒนา (R&D) ที่สามารถคิดค้นผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ ที่เปิดกว้างต่อเทรนด์อาหารจากทั่วโลก"
นางสาวสถาพร กล่าวว่า นอกจากนี้ยังจับเทรนด์ Urbanization ที่ส่งผลให้ตลาดอาหารพร้อมปรุงเติบโตต่อเนื่อง โดยเตรียมเปิดตัวแบรนด์ใหม่ “หมีกินเล่น” ในคอนเซ็ปต์ “ทำกินเองง่าย ทำขายกำไรดี” เพื่อเจาะตลาดผู้บริโภคครัวเรือนและกลุ่ม Horeca อีกทั้งยังลงทุนพัฒนาผลิตภัณฑ์จากน้ำซาวข้าว สร้างมูลค่าเพิ่มภายใต้ธีม “Next-Level Texture” ซึ่งถูกนำเสนอในงาน THAIFEX – Anuga Asia ในปีนี้ด้วย
ปัจจุบันช่องทางการจัดจำหน่าย Burapa Prosper ครอบคลุมทั้งค้าส่ง โมเดิร์นเทรด Horeca และออนไลน์ โดยช่องทาง Horeca และในปี 2568 นี้บริษัทจะเร่งเพิ่มยอดขายผ่านอีคอมเมิร์ซ ควบคู่กับการใช้กลยุทธ์การตลาดผ่านดิจิทัลคอนเทนต์และอินฟลูเอนเซอร์ โดยเฉพาะวิดีโอรีวิวการใช้งานจริง เพื่อสร้างภาพลักษณ์ Modern Thai Identity ให้แบรนด์เข้าถึงผู้บริโภครุ่นใหม่ พร้อมขับเคลื่อนแบรนด์ในฐานะผู้นำด้าน “Next-Level Texture” ที่ส่งมอบโซลูชันใหม่ ๆ แก่อุตสาหกรรมอาหารทั่วโลก
สำหรับผลประกอบการในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เติบโตเฉลี่ยปีละ 10% โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์หลักที่สร้างรายได้ยังคงเป็น แป้งข้าวคุณภาพสูงและเม็ดสาคูเกรดส่งออก ที่ตอบโจทย์ทั้งคุณภาพ ความปลอดภัย และความยั่งยืน ขณะที่ผลิตภัณฑ์ดาวรุ่งอย่างแป้งชุบทอดหมีคู่ดาวก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ซึ่งรายได้ของบริษัทมาจากตลาดในประเทศ 50% และต่างประเทศในสัดส่วน 50% เท่ากัน
"เราตั้งใจจะรักษาสมดุลสัดส่วนการขายไว้ พร้อมผลักดันการเติบโตสร้างรายได้รวม 900 ล้านบาทภายในปี 2568 นี้ ส่วนสำคัญจะมาจากยอดขายผลิตภัณฑ์กลุ่มแป้งผสมและอาหารแช่แข็งที่เป็นไฮไลต์ของปีนี้ 100 ล้านบาท พร้อมวางแผนรุกตลาดใหม่ ได้แก่ อินเดียและตะวันออกกลาง โดยมีแผนขยายกำลังการผลิตแป้งผสม จับมือกับพันธมิตรผู้ผลิตอาหารแช่แข็ง และติดตามกฎระเบียบการส่งออกอย่างใกล้ชิด เพื่อลดความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน พร้อมยกระดับแบรนด์อาหารไทยสู่เวทีโลกอย่างมั่นคง"