ฤดูกาลทุเรียนในปีนี้เปิดฉากการแข่งขันที่ดุเดือดกว่าทุกปี เมื่อผู้ประกอบการจากทุกภาคส่วนต่างชูกลยุทธ์ "บุฟเฟ่ต์ทุเรียน" ดึงลูกค้า ในจังหวะที่ผลไม้ภาคตะวันออกทยอยออกสู่ตลาดในปริมาณมาก
ปรากฏการณ์ "บุฟเฟ่ต์ทุเรียน" ครั้งนี้มีผู้เล่นหลักจากทุกระดับ ทั้งห้างค้าปลีกยักษ์ใหญ่อย่างเซ็นทรัล บิ๊กซี แม็คโคร โลตัส ที่จัดแคมเปญบุฟเฟ่ต์ในราคา 499-799 บาทต่อคน ไปจนถึงศูนย์การค้าระดับไฮเอนด์อย่างสยามพารากอนและกูร์เมต์ มาร์เก็ต ที่จับกลุ่มลูกค้าระดับบน เสิร์ฟทุเรียนคุณภาพเยี่ยมในบรรยากาศหรูหรา
รวมไปถึงสวนทุเรียน สวนผลไม้ในพื้นที่ต่างก็ไม่พลาดที่จะจัด “บุฟเฟ่ต์ทุเรียน” เป็นตัวชูโรงเรียกนักชิม ด้วยระดับราคาตั้งแต่ 399 ขึ้นไปจนถึง 750 บาทต่อคนก็มี
โรงแรม 4 ดาว 5 ดาว ก็ไม่น้อยหน้า เมื่อ แชงกรีลา อนันตรา และอินเตอร์คอนติเนนตัล จัดเต็มด้วยบุฟเฟ่ต์ระดับพรีเมียมราคา 1,200-1,800 บาทต่อคน พร้อมเสิร์ฟทุเรียนหลากสายพันธุ์ ควบคู่กับเมนูของหวานและเครื่องดื่มระดับหรู
ทั้งนี้ แคมเปญบุฟเฟ่ต์ทุเรียนไม่เพียงเป็นที่สนใจของชาวไทยเท่านั้น แต่ยังดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เข้ามาสัมผัสประสบการณ์ "ราชาผลไม้" อย่างเต็มอิ่ม สะท้อนจากยอดจองที่เต็มล่วงหน้าโดยเฉพาะในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์
จุดน่าสนใจของปรากฏการณ์ครั้งนี้คือ การเปลี่ยนโฉมจากการขายผลไม้ธรรมดา มาเป็นการตลาดเชิงประสบการณ์ (experiential marketing) ที่ผู้บริโภคไม่ได้เพียงจ่ายเงินเพื่อรับประทานทุเรียน แต่เป็นการซื้อ "ประสบการณ์พิเศษ" ที่มาพร้อมความตื่นเต้น ความรู้สึกคุ้มค่า และกระแสโซเชียลที่สามารถแชร์ต่อได้
กลยุทธ์นี้ส่งผลให้เกิดการกระตุ้นทราฟฟิกเข้าสู่หน้าร้าน เพิ่มยอดใช้จ่ายต่อบิล (basket size) เมื่อลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าอื่นเพิ่มเติม และสร้างการรับรู้แบรนด์ (brand awareness) ผ่านการแชร์ประสบการณ์ของลูกค้าบนโซเชียลมีเดีย ซึ่งกลายเป็น Earned Media ที่มีประสิทธิภาพสูง
นอกจากประโยชน์ทางธุรกิจแล้ว แคมเปญเหล่านี้ยังช่วยเกษตรกรไทยในการกระจายผลผลิตทุเรียนที่ออกมามากในช่วงนี้สู่ผู้บริโภคในประเทศ ลดการพึ่งพาตลาดส่งออกเพียงอย่างเดียว และสร้างรายได้ให้กับชุมชนท้องถิ่นอย่างยั่งยืน
ปรากฏการณ์ "บุฟเฟ่ต์ทุเรียน" จึงไม่เพียงเป็นแค่เทรนด์การตลาดชั่วคราว แต่สะท้อนถึงการปรับตัวของธุรกิจค้าปลีกและบริการที่เปลี่ยนวิกฤติผลผลิตล้นตลาดให้เป็นโอกาสทางธุรกิจ พร้อมสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำให้กับผู้บริโภค ในขณะเดียวกันก็ช่วยเหลือเกษตรกรไทยในการระบายผลผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ