ภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาและผันผวนส่งผลกระทบต่อตลาดสินค้านักเรียนในปี 2568 ทำให้ผู้ประกอบการต้องปรับกลยุทธ์เพื่อแย่งชิงกำลังซื้อที่มีจำกัดของผู้ปกครอง โดยเฉพาะในตลาดชุดนักเรียนและรองเท้า ที่แม้จะมีแนวโน้มเติบโตทรงตัวแต่ผู้ผลิตรายใหญ่ยังตั้งเป้าหมายที่จะมียอดขายเพิ่มขึ้น ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าในช่วงเปิดภาคเรียนของปีการศึกษานี้ จะมีเม็ดเงินสะพัดใกล้เคียงกับปีก่อนคือราว 6-6.1 หมื่นล้านบาท เติบโตใกล้เคียงกับปีก่อนคือ 3-4%
ขณะที่กระทรวงพาณิชย์เองก็ออกมาตรการ “เปิดเทอม เติมพลัง” เพื่อสนับสนุนนโยบายรัฐบาล “ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส” โดยดึงผู้ผลิต ผู้จำหน่าย ร้านสะดวกซื้อ ห้างค้าส่งค้าปลีก ห้างสรรพสินค้า สถาบันกวดวิชา สถาบันดนตรี เครือข่ายอินเทอร์เน็ต และแพลตฟอร์มออนไลน์กว่า 50 ราย รวม 22,924 สาขาทั่วประเทศ
ร่วมกันลดราคาสินค้าและบริการสูงสุดถึง 74% เพื่อเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครอง นักเรียน นิสิต นักศึกษา ในช่วงเปิดภาคเรียน โดยตั้งเป้าหมายที่จะช่วยลดค่าครองชีพให้ประชาชนได้ 300 ล้านบาท และกระตุ้นการใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้มากกว่า 900 ล้านบาท
โรงตึ๊งฟรีดอกเบี้ย 5 เดือน
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เปิดเผยว่า สถานธนานุเคราะห์ (สธค.) เป็นโรงรับจำนำเพื่อสังคมของรัฐ สังกัดกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งสธค.จัดฉลองครบรอบ 70 ปี ด้วยมาตรการช่วยเหลือพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะพ่อแม่ผู้ปกครอง ในช่วงก่อนเปิดภาคการศึกษาใหม่ ได้จัดโปรโมชั่นพิเศษ ฟรีดอกเบี้ย 5 เดือนเต็ม รับเปิดเทอม ด้วยวงเงินจำนำไม่เกิน 1,000 บาท ระหว่างวันนี้-31 พ.ค. 2568
“เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระให้กับผู้ปกครองที่จำเป็นจะต้องเตรียมเงินไว้สำหรับค่าใช้จ่ายต่างๆ ของบุตรหลาน ทางกระทรวง พม. พร้อมบรรเทาภาระทางการเงินให้กับพี่น้องประชาชนทั่วไป และกลุ่มเปราะบาง ที่ต้องการแหล่งเงินทุนระยะสั้นโดยไม่ต้องกังวลเรื่องอัตราดอกเบี้ย ด้วยโปรโมชั่นพิเศษ ฟรีดอกเบี้ย 5 เดือนเต็ม รับเปิดเทอม ด้วยวงเงินจำนำไม่เกิน 1,000 บาท จนถึงวันที่ 31 พ.ค. 68 ซึ่งสามารถนำทรัพย์สินมาจำนำ พร้อมบัตรประชาชนเพียงใบเดียวที่ สธค.ทุกสาขา”
ปัจจุบันสธค. เปิดให้บริการพี่น้องประชาชนแล้ว 47 สาขาใน 14 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ ระยอง ลำพูน สุราษฎร์ธานี อุดรธานี พิษณุโลก พระนครศรีอยุธยา ชลบุรี สุพรรณบุรี ราชบุรี และลพบุรี
ขณะที่ สถานธนานุบาลกรุงเทพมหานคร (โรงรับจำนำ กทม.) ขานรับนโยบายช่วยเหลือประชาชน เปิดตัวโปรโมชั่นพิเศษรับเปิดเทอมใหญ่ ปีการศึกษา 2568 เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครอง นักเรียน นิสิต และนักศึกษา ด้วยอัตราดอกเบี้ยสุดพิเศษเพียง 0.50% ต่อเดือน สำหรับวงเงินจำนำตั้งแต่ 5,001-100,000 บาท เริ่มตั้งแต่วันนี้ถึง 30 มิ.ย. 2568 ณ โรงรับจำนำ กทม. ทั้ง 22 สาขาทั่วกทม.
น้อมจิตต์ ยันไม่ขึ้นราคาชุดนร.
นายอานนท์ จิตรมีศิลป์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท น้อมจิตต์ แมนนูแฟกเจอร์ริ่ง จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชุดนักเรียน “น้อมจิตต์” เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า แม้ภาพรวมตลาดสินค้าและอุปกรณ์การเรียนในปีนี้มีแนวโน้มการเติบโตทรงตัว จากภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน แต่เชื่อว่าหากเศรษฐกิจดีขึ้น ผู้ปกครองจะมีความสามารถในการซื้อชุดนักเรียนเพิ่มขึ้น เช่น ซื้อมากกว่า 1 ชุด หรือซื้อถึง 3-4 ชุดต่อปี ซึ่งจะช่วยเพิ่มปริมาณการขายได้
“ตลาดชุดนักเรียนจะขึ้นอยู่กับจำนวนเด็กนักเรียนและภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งตลาดชุดนักเรียนแบ่งเป็น 3 ระดับ ได้แก่ ระดับล่าง ระดับกลาง และระดับพรีเมี่ยม โดยกลุ่มตลาดชุดนักเรียนระดับกลางและล่างจะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจมากที่สุด เพราะความสามารถในการจับจ่ายของผู้บริโภคกลุ่มนี้มีข้อจำกัด และผู้ปกครองมีรายจ่ายหลายด้านในช่วงเปิดเทอม เช่น ค่าเทอม หนังสือ สมุด และชุดนักเรียน ที่มาพร้อมกันในช่วงเดียวกัน”
โดยน้อมจิตต์ได้ปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจโดยมุ่งเน้นการสร้างแบรนด์และพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า บริษัทได้พัฒนาชุดนักเรียนรุ่นพรีเมียม “แอร์คูล” (Air Cool) ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์สภาพอากาศร้อนของประเทศไทย รองรับลูกค้ากลุ่มระดับกลางถึงบน
โดยเน้นการสื่อสารถึงคุณค่าและความคุ้มค่าในระยะยาวของผลิตภัณฑ์ แม้ว่าราคาต่อชุดจะสูงกว่าชุดนักเรียนทั่วไป แต่ชุดนักเรียนของน้อมจิตต์สามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 3 ปี ซึ่งในระยะยาวจะประหยัดกว่าเมื่อเทียบกับชุดราคาถูก
“น้อมจิตต์ไม่มีการปรับเพิ่มราคาในปีนี้ ซึ่งถือเป็นปีที่ 3 ติดต่อกันที่ไม่มีการปรับราคา แม้ว่าต้นทุนการผลิต โดยเฉพาะค่าแรงและราคาวัตถุดิบจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทพยายามดูแลต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตเพื่อรับมือกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี อยากให้รัฐบาลพิจารณาเพิ่มงบประมาณสำหรับการแจกชุดนักเรียน โดยเฉพาะในช่วงที่เด็กเปลี่ยนชั้นเรียน เช่น จาก ป.6 ขึ้น ม.1 หรือจาก ม.3 ขึ้น ม.4 ซึ่งเป็นช่วงที่เด็กจำเป็นต้องใช้ชุดใหม่หลายชุด”
ในด้านการตลาด น้อมจิตต์ได้ขยายช่องทางสู่การขายออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น Facebook, Instagram, YouTube, TikTok, Lazada และ Shopee เพื่อให้ผู้ปกครองเข้าถึงผลิตภัณฑ์ได้สะดวกมากขึ้น และยังมีบริการเสริมอย่างการปักชื่อตามความต้องการของลูกค้า โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายเติบโต 7%
ผู้เล่นหน้าใหม่แห่ชิงแชร์ตลาดรองเท้านร.
ด้าน ดร.จักรพล จันทวิมล กรรมการผู้จัดการ บริษัท นันยางมาร์เก็ตติ้ง จำกัด กล่าวว่า แม้สภาพเศรษฐกิจโดยรวมจะชะลอตัว แต่เรามองเห็นโอกาสในการสร้างการเติบโตผ่านความเข้าใจเชิงลึกในพฤติกรรมผู้บริโภค พัฒนาสินค้าที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ และสร้างความแตกต่างผ่านนวัตกรรมที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งเป็นกลยุทธ์หลักของนันยางในปีนี้
อย่างไรก็ดีจะเห็นว่า ปัจจุบันตลาดรองเท้านักเรียนไทยมีผู้เล่นหลักประมาณ 10-15 ราย โดยมีผู้เล่นรายใหม่เพิ่มขึ้น 5 รายในช่วงปีที่ผ่านมา นันยางจึงเร่งขับเคลื่อนกลยุทธ์เชิงรุก ทั้งการพัฒนาสินค้าที่ตอบโจทย์ผู้บริโภครุ่นใหม่ การสื่อสารแบรนด์ผ่านทุกช่องทาง และการขยายเครือข่ายการจัดจำหน่ายอย่างครอบคลุม
ในส่วนของช่องทางการขาย นันยางพร้อมจำหน่ายสินค้าผ่านทั้งร้านค้าทั่วประเทศ ห้างสรรพสินค้า และช่องทางร้านค้าออนไลน์ทุกประเภท เพื่อรองรับพฤติกรรมการช้อปปิ้งที่เปลี่ยนแปลงไป ลูกค้าสามารถเลือกซื้อสินค้าได้สะดวก พร้อมรับสิทธิพิเศษและโปรโมชันตามแต่ละช่องทาง
“ด้วยกลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรม ควบคู่กับการสร้างสรรค์สินค้าใหม่และตอกย้ำคุณภาพในราคาที่เข้าถึงได้ โดยในปีนี้นันยางตั้งเป้าเติบโต 3-5% และยังครองอันดับ 1 ในตลาดรองเท้าผ้าใบนักเรียน ด้วยส่วนแบ่งตลาด 45% จากตลาดรวมที่มีมูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท”
บิ๊กซีจัดให้ชุดนักเรียนเริ่มต้น 69 บาท
นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บิ๊กซีซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ห้างค้าปลีกในกลุ่มบีเจซี กล่าวว่า แม้ภาพรวมเศรษฐกิจจะมีความท้าทาย แต่บิ๊กซี ยังคงเห็นสัญญาณที่ดีจากการเตรียมตัวของผู้ปกครองสำหรับการเปิดเทอมของบุตรหลาน โดยสังเกตได้ว่าผู้ปกครองเริ่มวางแผนการใช้จ่ายล่วงหน้าอย่างรอบคอบ
“บิ๊กซีได้เริ่มแคมเปญ “Back to School” ตั้งแต่ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งเป็นช่วงที่น่าสนใจเพราะพบว่ามีผู้ปกครองจำนวนไม่น้อยที่เลือกที่จะไม่เดินทางท่องเที่ยวในช่วงสงกรานต์ เพื่อเก็บเงินไว้สำหรับซื้อชุดนักเรียนและอุปกรณ์การเรียนให้บุตรหลาน โดยบิ๊กซีคาดการณ์ว่าความคึกคักจากช่วงเปิดภาคเรียนในปีนี้
จะเป็นอีกปัจจัยบวกสำคัญที่ผลักดันให้เป้าหมายยอดขายของกลุ่มสินค้า Back to School เติบโตต่อเนื่องจากช่วงเดียวกันของปีก่อน กว่า 25% หรือมียอดขายมากกว่า 500 ล้านบาท โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มเครื่องแต่งกาย อุปกรณ์การเรียน ตลอดจนสินค้าที่เกี่ยวข้องที่จำหน่ายผ่านบิ๊กซี”
สำหรับไฮไลต์โปรโมชั่นสุดคุ้มของบิ๊กซี ประกอบด้วย สินค้าราคาพิเศษหลากหลายรายการ อาทิ ชุดนักเรียนทุกระดับชั้น เริ่มต้นเพียง 69 บาท รองเท้าผ้าใบนักเรียน คู่ละ 99 บาท ถุงเท้านักเรียน Besico 5 คู่ เพียง 100 บาท ชุดนักเรียน ซื้อ 3 จ่าย 2 แบรนด์ดังทุกระดับชั้นคละแบบได้
รวมถึงอุปกรณ์เครื่องเขียน ซื้อ 5 ชิ้น จ่ายเพียง 4 ชิ้น กระเป๋าล้อลากลายลิขสิทธิ์ เริ่มต้น 359 บาท และกระเป๋าเป้ ราคาเพียง 99 บาท พิเศษ! คูปองส่วนลด 50 บาทเมื่อซื้อชุดนักเรียนครบ 299 บาท และโปรโมชั่นผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือน ทุกชิ้นทั้งห้าง