นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ของบริษัท บิ๊กซีซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยเปรียบเสมือนประเทศขนาดกลาง ซึ่งหมายความว่าเศรษฐกิจภายในประเทศไม่ได้แข็งแกร่งพอที่จะต้านทานหรือกำหนดทิศทางเศรษฐกิจโลกได้ด้วยตัวเอง
ดังนั้น ทุกสิ่งในประเทศไทยจึงขึ้นอยู่กับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกเป็นหลัก เมื่อเศรษฐกิจโลกผันผวน ย่อมส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและการเติบโตของเศรษฐกิจไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ปัจจุบันสิ่งที่น่ากังวลคือผลกระทบจากเรื่องภาษีในระดับโลก ซึ่งอาจหมายถึงการเปลี่ยนแปลงนโยบายภาษีระหว่างประเทศที่กำลังมีการพูดคุยกันอยู่ในขณะนี้
ล่าสุดได้ปรึกษาหารือกับอาจารย์เศรษฐศาสตร์หลายท่าน และได้รับข้อมูลว่าสถานการณ์เรื่องภาษีโลกนี้ยังมีความไม่แน่นอนสูง ไม่สามารถคาดการณ์ได้ชัดเจนว่าจะมีการตกลงกันได้หรือไม่ และจะมีรูปแบบใด อย่างไรก็ตาม บิ๊กซีได้เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ โดยมองว่าหากการเจรจาเรื่องภาษีโลกสามารถตกลงกันได้ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ (2568) ก็อาจเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวม
แต่หากไม่สามารถตกลงกันได้ ผลกระทบเชิงลบก็จะเริ่มปรากฏชัดเจนขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีหน้า (2569) และมองว่าเศรษฐกิจไทยอ่อนไหวต่อปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานการณ์เศรษฐกิจโลกและนโยบายภาษีระหว่างประเทศที่ยังไม่แน่นอน ซึ่งบิ๊กซีกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและเตรียมพร้อมรับมือกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
นักท่องเที่ยวจีนหายไปจากประเทศไทยในช่วงสำคัญ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งปกติจะเป็นช่วงที่จีนส่งนักท่องเที่ยวมามากที่สุด โดยช่วงที่นักท่องเที่ยวจีนมักจะท่องเที่ยวในไทยมากคือวันที่ 1 พฤษภาคม (วันแรงงาน)และวันที่ 1 ตุลาคม (วันชาติจีน) แต่ในปีนี้ การเดินทางของนักท่องเที่ยวจีนกลับลดลงอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากนโยบายสนับสนุนการท่องเที่ยวในประเทศของจีนที่อาจเป็นสาเหตุหลักในการลดจำนวนการเดินทางไปต่างประเทศในช่วงดังกล่าว
การปรับตัวของบิ๊กซีตามนโยบายของรัฐบาล เช่น การยกเลิกลูกเสือและเนตรนารี ซึ่งมองว่าไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อยอดขายโดยรวมมากนัก เนื่องจากบิ๊กซีมุ่งเน้นการจำหน่ายชุดนักเรียนทั่วไปและพร้อมปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างดีที่สุด
บิ๊กซีมองตลาดต่างประเทศเป็นโอกาสสำคัญในการขยายฐานการลงทุน โดยมองไปที่ตลาดเวียดนาม อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ซึ่งมีศักยภาพในการเติบโตสูง พร้อมกันนี้ยังคงมุ่งเน้นการขยายและปรับปรุงสาขาในประเทศไทยให้ดีขึ้น ตลอดจนการปรับรีวิวสินค้าที่มุ่งเน้นความคุ้มค่าและราคาเข้าถึงได้ เพื่อรองรับสถานการณ์เศรษฐกิจที่ท้าทายในปัจจุบัน
บิ๊กซีเปิดแคมเปญ "Back to School" ตั้งแต่ช่วงสงกรานต์ เพื่อรองรับการเตรียมตัวของผู้ปกครองในการเปิดเทอม โดยสังเกตว่าหลายครอบครัวเลือกเก็บเงินเพื่อซื้อชุดนักเรียนและอุปกรณ์การเรียน แทนการท่องเที่ยวช่วงสงกรานต์
บิ๊กซีจึงจัดโปรโมชั่นคุ้มค่าสำหรับสินค้าเหล่านี้ รวมถึงสินค้าจำเป็นอื่นๆ ที่ลดราคาครอบคลุมเครื่องแต่งกาย อุปกรณ์การเรียน และของใช้จำเป็น ซึ่งคาดว่าจะผลักดันยอดขายกลุ่มสินค้านี้เติบโตอย่างต่อเนื่อง
อีกทั้งบิ๊กซีได้ปรับกลยุทธ์การขายให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่เน้นความประหยัดมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าจำเป็น เช่น อาหารสดและของใช้ในชีวิตประจำวันเนื่องจากผู้บริโภคยังคงมีความต้องการในสินค้ากลุ่มนี้สูง แต่สินค้าที่ไม่จำเป็นอาจลดลงจากการประหยัดค่าใช้จ่าย เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระการใช้จ่ายของผู้ปกครอง
ส่วนแคมเปญ บิ๊กซี ร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจ จัดแคมเปญพิเศษ "ช้อปครบคุ้ม รับเปิดเทอมที่บิ๊กซี" ระหว่างวันที่ 14 เมษายน - 21 พฤษภาคม 2568 เพื่อสอดรับกับโครงการ "เปิดเทอม เติมพลัง" ของภาครัฐ รวมถึงกระตุ้นยอดขายและช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครองในช่วงเปิดเทอม ผ่านการจัดโปรโมชั่นสินค้าราคาพิเศษ กว่า 7,000 รายการ ลดสูงสุด 50%ครอบคลุมเครื่องแต่งกาย อุปกรณ์การเรียน ตลอดจนสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น
ทั้งนี้ คาดว่าความคึกคักจากช่วงเปิดภาคเรียนในปีนี้จะเป็นอีกปัจจัยบวกสำคัญที่ผลักดันให้เป้าหมายยอดขายของกลุ่มสินค้า Back to School เติบโตต่อเนื่องจากช่วงเดียวกันของปีก่อน กว่า 25% หรือมียอดขายมากกว่า 500 ล้านบาท โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มเครื่องแต่งกาย อุปกรณ์การเรียน ตลอดจนสินค้าที่เกี่ยวข้องที่จำหน่ายผ่านบิ๊กซี