อัดงบพันล้าน ชิงเม็ดเงิน ‘ตรุษจีน’ ห้างพาเหรดจัดหนัก สายมู-สายช้อป

นางสาววรลักษณ์ ตุลาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า เทศกาลตรุษจีนถือเป็นเทศกาลสำคัญอย่างยิ่งที่กลุ่มลูกค้าของเราทั้งคนไทยเชื้อสายจีน กลุ่มครอบครัวให้ความสำคัญในการสืบสานประเพณี ทั้งนี้เดอะมอลล์กรุ๊ป ถือเป็นผู้นำในการสร้างซิกเนเจอร์อีเว้นท์ตรุษจีนและกิจกรรมมงคลที่ยิ่งใหญ่มาตลอดทุกปี ด้วยกิจกรรมโปรโมชั่นต่าง ๆ ที่เราได้เตรียมไว้ในปีนี้ คาดการณ์ว่าตรุษจีนปีนี้จะกลับมามีความคึกคัก น่าจะมีการจับจ่ายสูงขึ้นกว่าปีก่อน

ดังนั้นในช่วงตรุษจีนปีนี้ เดอะมอลล์ กรุ๊ป ชู 2 กลยุทธ์การตลาดในการทำแคมเปญและกิจกรรมการตลาดโดยใช้งบประมาณราว 160 ล้านบาทผ่าน2 กลยุทธ์ ได้แก่ 1. Happy Traditions การส่งมอบความสุขของลูกค้าเป็นสำคัญ สร้างประสบการณ์ที่ประทับใจ โดยนำมนต์เสน่ห์ของเทศกาลตรุษจีนมาไว้ที่ศูนย์การค้าในกลุ่มเดอะมอลล์ทุกสาขา

เพื่อให้คนไทยเชื้อสายจีนได้สัมผัสประสบการณ์ทั้งประเพณีวัฒนธรรม รังสรรค์บรรยากาศของตรุษจีนที่เป็นของแท้และดั้งเดิมที่ศูนย์การค้า เดอะมอลล์สาขาต่างๆ โดยมีไฮไลท์และกิจกรรมมากมายในแต่ละสาขาทุกมุมเมือง 2. Joyful Retailtainment Experience มุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์แบบ O2O อย่างแท้จริง

มีการสร้าง engagement จากโลก Offline สู่โลก Online เพื่อเสริมประสบการณ์การช้อปปิ้งคู่ความบันเทิงและคอนเท้นท์ หรือ “Retailtainment” โดยความพิเศษในปีนี้ มีการใช้เทคโนโลยี AR ตามรอยพญาเทพอัคราสวรรค์ ลุ้นรับเครื่องรางเสริมมงคล สร้าง engagement ผ่านแอปพลิเคชัน M Card ด้วย AR Journey เป็นต้น

“เชื่อว่าในช่วง 7-10 ก.พ. ซึ่งเป็นโค้งท้ายของตรุษจีน จะเป็นช่วงพีคสุด ที่คนไทยเชื้อสายจีนจะเข้ามาช้อปปิ้งเตรียมสินค้าที่จะใช้ในเทศกาลตรุษจีน ทั้งเครื่องเซ่นไหว้ รวมถึงการใช้จ่ายซื้อสินค้าให้กับตนเอง การเริ่มต้นปีใหม่ และการฉลองภายในครอบครัว ทำให้ไตรมาส 1 ปีนี้จะกลับมาคึกคักและเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งตรุษจีนเองถือเป็นอีเว้นต์ใหญ่ที่มีผลต่อไตรมาส 1 มาก”

ขณะที่นางสุธาวดี ศิริธนชัย กรรมการผู้จัดการ เอ็ม ดิสทริค กล่าวว่า เอ็ม ดิสทริค ต้องการตอกย้ำการสร้างย่านการค้าที่มอบประสบการณ์ใหม่ที่โลกเรียกหา หรือ Calling The World เป็นมิติใหม่แห่งย่านธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ และสมบูรณ์ครบทุกมิติในการใช้ชีวิต ทั้ง Art Of Luxury, Art Of Fashion, Art Of Lifestyle, Art of Technology, Art Of Dining และ Art Of Entertainment

ดังนั้นในช่วงเทศกาลตรุษจีนปีมังกรในปีนี้ ซึ่งเป็นปีที่ยิ่งใหญ่ ปีพญามังกรทอง ธาตุไม้ ที่มีผลต่อความมั่งคั่งและความเจริญรุ่งเรือง, ครอบครัว และสุขภาพ จึงจัดแคมเปญและกิจกรรม ให้สามารถเข้าถึงทุกกลุ่มเป้าหมาย คาดว่าจะสร้างทราฟฟิคให้ย่านเอ็ม ดิสทริค ได้วันละไม่ต่ำกว่า 3 แสนคน

“ตรุษจีนถือเป็นบิ๊กอีเวนต์ ปีนี้เอ็มดิสทริคจึงใช้งบกว่า 120 ล้านบาทในการจัดแคมเปญ EM DISTRICT LUCK IS CALLING....CHINESE NEW YEAR 2024 THE PROSPERITY OF DRAGONS KINGDOM ผนึกรวม 3 ศูนย์การค้า ได้แก่ เอ็มโพเรียม, เอ็มควอเทียร์ เอ็มสเฟียร์ ปลุกให้ย่านสุขุมวิทกลับมามีสีสันและเติมเต็มประสบการณ์

ด้วยโชว์ 12 ประติมากรรมมังกร (Dragon Sculpture) สะท้อนมุมมองใหม่ของ ‘มังกร’ จาก 12 ศิลปินรุ่นใหม่ ใน 12 จุดบนถนนสุขุมวิท เพื่อยกระดับสู่ Art of District ตั้งแต่วันที่ 1-29 กุมภาพันธ์ 2567 ด้วยกิจกรรมและรายการส่งเสริมการขายตอกย้ำแลนด์มาร์คการช้อปปิ้งและท่องเที่ยวแห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพมหานคร”

ด้านนายณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เซ็นทรัลพัฒนา และห้างเซ็นทรัล เป็นเดสติเนชั่นอันดับหนึ่งในทุกเทศกาล และเป็นแลนด์มาร์กการจับจ่าย-ไหว้-กิน-เที่ยว ช่วงเทศกาลตรุษจีน

โดยปีนี้ เราเน้นโฟกัส 3 กลุ่ม Quality Target ได้แก่ คนไทยเชื้อสายจีน, คนรุ่นใหม่ และ นักท่องเที่ยว โดยเฉพาะชาวมาเลเซียและจีน ซึ่งถือว่าติดอันดับชาติที่เดินทางเข้าไทยสูงสุด สอดรับกับโครงการ Easy e - Receipt ของภาครัฐที่จะยิ่งกระตุ้นจับจ่ายเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาสแรก ตั้งเป้าทราฟฟิกเพิ่มขึ้น 20% ทั่วประเทศ โดยคาดว่าจะสร้างเงินสะพัดจากแคมเปญกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท

ในแวดวงธุรกิจค้าปลีกไทยช่วงเวลาที่ธุรกิจคึกคักเป็นพิเศษคือช่วงเทศกาล อย่างเทศกาลตรุษจีน มีอิทธิพลในการกระตุ้นการจับจ่ายเนื่องจากคนไทยเชื้อสายจีนมีความเชื่อเรื่องวันจ่าย วันเที่ยว ที่เป็นปัจจัยให้ออกมาจับจ่ายนอกบ้านเพื่อเป็นการรับความมงคลตลอดทั้งปี

สอดรับกับนายจักรกฤษณ์ จตุปัญญาโชติกุล รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด ประชาสัมพันธ์ และกิจกรรมเพื่อสังคม บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า พฤติกรรมการบริโภคของคนไทยในช่วงตรุษจีนปีนี้คนไทยซื้อของไหว้เพิ่มขึ้นกว่า 31% โดยราคาสินค้านั่นไม่เพิ่มสูงขึ้นมากนักเนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจที่ส่งผลให้กำลังซื้อลงลด จึงตรึงราคาให้ราคาจับต้องได้เริ่มต้นที่ 415 บาทเป็นชุดไหว้เริ่มต้น เทรนด์ที่มาแรงในปีนี้ของผู้บริโภคคือนิยมซื้อสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมบรรจุภัณฑ์ของไหว้ต้องย่อยสลายได้และไม่สร้างมลพิษทางอากาศมากนัก

หน้า 15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 ฉบับที่ 3,962 วันที่ 1 - 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567