เทรนด์ธุรกิจ ปี 2567 Health& Wellness ‘Future food-Pet Parents’ โตดีไม่มีตก

31 ธ.ค. 2566 | 06:10 น.
อัปเดตล่าสุด :31 ธ.ค. 2566 | 06:39 น.

จับตา 3 เทรนด์ธุรกิจสุดแรง ปี 2567 "Health& Wellness - Future food - Pet Parents" เดินหน้าลงทุนต่อเนื่อง รับโลกธุรกิจเปลี่ยน

ก้าวเข้าสู่ศักราชใหม่ ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง บนเส้นทางธุรกิจที่มีทั้งปัจจัยบวกและปัจจัยลบ มีความผันผวนตลอดเวลาและยากที่จะควบคุม การเกาะกระแส เข้าถึงแนวโน้มธุรกิจที่มีการเติบโตจะช่วยลดแรงเสียดทานและความเสี่ยงได้ ซึ่งในปี 2567 เทรนด์ธุรกิจที่ยังคงมีการเติบโตสูง 3 กลุ่มแรก ได้แก่ ธุรกิจ Health & Wellness, Future Food และ Pet Parent
Health & Wellness ตอบโจทย์ทุก Gen
ปฏิเสธไม่ได้ว่า Health & Wellness เป็นหนึ่งในเทรนด์ธุรกิจที่มาแรงในปี 2567 จากกระแสผู้คนที่หันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น อุตสาหกรรม Healthcare ทั้งในประเทศไทยและทั่วโลกจึงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง บทความจาก K WEALTH TRAINER ระบุว่า ปัจจัยสนับสนุนหลักมาจาก “Aging society” หรือ สังคมผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นในปัจจุบัน โดย UN ประเมินว่าในอีก 10 ปีข้างหน้า สัดส่วนประชากรผู้สูงอายุในแต่ละประเทศจะเพิ่มขึ้นเป็น 20-30% ของประชากรทั้งหมด และสิ่งที่ตามมาคือการรักษาพยาบาล การใช้ยา รวมถึงงบนโยบายสาธารณสุขที่ต้องสูงขึ้นตาม ในอนาคตกลุ่มธุรกิจ Healthcare จึงมีโอกาสทำกำไรเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง

เทรนด์ธุรกิจ ปี 2567 Health& Wellness ‘Future food-Pet Parents’ โตดีไม่มีตก
สองคล้องกับข้อมูลจาก Bangkok Bank SME ที่ระบุไว้ว่า แนวโน้มธุรกิจ Healthcare จะเติบโตในระยะยาว จากการเปลี่ยนแปลงของประเทศส่วนใหญ่ที่ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ คาดการณ์ว่าผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไปจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นสองเท่าเป็น 1.5 พันล้านคนภายในปี 2050 หรือคิดเป็น 21% ของประชากรโลกกว่า 7,300 ล้านคน ส่งผลให้มีผู้ป่วยเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ

 

โดยการเจ็บป่วยของผู้สูงอายุส่วนใหญ่ คือโรคเรื้อรังที่ต้องมาพบแพทย์อย่างต่อเนื่อง เช่น โรคความดัน หัวใจ เบาหวาน หลอดเลือด ไต ฯลฯ นอกจากนี้ ไลฟ์สไตล์ชีวิตในเมืองใหญ่ก็เป็นสาเหตุของโรคอ้วน และโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ อีกเหตุผลหนึ่งคือในหลายประเทศ รัฐบาลจัดการระบบประกันสุขภาพดีขึ้น มีผู้เจ็บป่วยเดินทางไปพบแพทย์มากขึ้น การใช้ยาจึงมากขึ้นตามไปด้วย ส่งผลให้ธุรกิจ Healthcare มีแนวโน้มเติบโตมากยิ่งขึ้นเช่นกัน

เทรนด์ธุรกิจ ปี 2567 Health& Wellness ‘Future food-Pet Parents’ โตดีไม่มีตก
แน่นอนว่าในอนาคต Healthcare จะเข้ามามีบทบาทกับชีวิตผู้คนในทุกมิติ ทุกธุรกิจ รวมไปถึงนวัตกรรมการส่งเสริมสุขภาพต่าง ๆ ตั้งแต่เกิดอยู่ในครรภ์มารดาไปจนถึงวัยชรา
Future food โอกาสยังเปิดกว้าง
อาหารอนาคต หรือ Future food ถูกพูดถึงอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ด้วยปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ประชาชนทั่วโลกหันมาใส่ใจสุขภาพ โดยเฉพาะอาหารการกินที่มีความปลอดภัย ประกอบปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อม โลกร้อน ยิ่งทำให้ทุกคนมองถึงการพัฒนาอาหารจากพืช

นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานหอการค้าไทยและนายกสมาคมการค้าอาหารอนาคตไทย เปิดเผยว่า 5 ปีที่แล้ว Future food เติบโตเฉลี่ยปีละ 5% และในปี 2565 เติบโตเกือบ 10% ขณะที่ปี 2566 เติบโตสูงสุด 2% เนื่องจาก ภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกมีสัญญาณชะลอตัว การสั่งซื้อสินค้าที่มีมูลค่าสูงก็จะชะลอ
แต่สำหรับอาหารทางการแพทย์ (Medical Foods) ที่เป็นส่วนหนึ่งของอาหารอนาคต เหมาะสำหรับผู้สูงอายุ และผู้ป่วยเฉพาะโรคกลับมีโอกาสเติบโตอย่างสูง เรื่องจากหลายประเทศทั่วโลกกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุระดับสุดยอด (Super-Aged Society) โดยมีสัดส่วนของประชากรผู้สูงอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป มากกว่า 20% ของประชากรทั้งหมด ในระยะ 5-6 ปีข้างหน้า

โดยคาดว่า ในปี 2573 มูลค่าตลาด Medical Foods ของโลกจะสูงถึง 3.66 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากในปี 2565 ที่มีมูลค่าตลาดประมาณ 2.19 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนประเทศไทยคาดว่า ในปี 2573 ตลาด Medical Foods จะมีมูลค่าประมาณ 9.5 พันล้านบาท หรือขยายตัวเฉลี่ยปีละ 6.2% จากในปี 2565 ที่มีมูลค่าตลาดประมาณ 5.9 พันล้านบาท
ด้านศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่า มูลค่าตลาดอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพของผู้สูงอายุปี 2567 อาจอยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 34,000 ล้านบาท ขยายตัว
ราว 6% จากปีที่ผ่านมา สะท้อนการเติบโตแบบระมัดระวัง โดยเป็นผลจากการขยายตัวของฐานประชากรผู้สูงอายุกลุ่มเป้าหมายที่มีศักยภาพ ซึ่งน่าจะขยายตัวได้ราว 4.5% จากปีที่ผ่านมา
ปัจจุบันผู้ประกอบการไทยเริ่มหันมาวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อต่อยอดสู่อาหารทางการแพทย์สำหรับผู้สูงอายุและผู้ป่วยมากขึ้น จากเดิมที่ประเทศไทยต้องนำเข้าอาหารทางการแพทย์จากต่างประเทศเป็นหลัก ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 10,000 ล้านบาทต่อปี
การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ในประเทศจะช่วยช่วยลดการนำเข้าและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน นอกจากนี้ ยังมีราคาต่ำกว่าการนำเข้าประมาณ 10% ทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงอาหารทางการแพทย์ได้มากขึ้น ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้สูงอายุและผู้ป่วยคาดว่าผู้ผลิตอาหารทางการแพทย์จะมีอัตรา
กำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก 23% เป็น 42% หรือเพิ่มขึ้น 19% เมื่อเทียบกับการผลิตอาหารทั่วไป
Pet Parents แรงดีไม่มีตก
เทรนด์ “Pet Parents” ยังคงน่าจับตามองในปี 2567 และมีโอกาสเติบโตได้อย่างต่อเนื่องเทรนด์ ข้อมูลจาก finbiz by ttb ระบุว่า “Pet Parents” ที่ไม่ใช่เอาใจแค่
ทาสหมา ทาสแมว ยังรวมถึงสัตว์เลี้ยงขนาดเล็ก หรือกลุ่มสัตว์แปลก สำหรับเทรนด์การเลี้ยงสัตว์แปลก (Exotic Pet) มีแนวโน้มจะเติบโตมากขึ้นในปี 2024 เนื่องจากผู้คนนิยมเ ลี้ยงสัตว์เลี้ยงขนาดเล็ก และไม่ส่งเสียงรบกวน

ขณะที่วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) พบว่า ปัจจุบันได้มีการแบ่งออกเป็น 6 ประเภทหลัก ได้แก่ กลุ่มสัตว์เลื้อยคลาน เช่น อีกัวน่า กิ้งก่า มังกรเครา งู หรือเต่า กลุ่มสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ เช่น กบลูกศรพิษ กบโกไลแอท ซาลาแมนเดอร์ กลุ่มสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง เช่น ด้วง หรือแมงมุมทารันทูล่า กลุ่มสัตว์ปีก เช่น นกคอกคาเทล นกแก้วมาคอร์ นกเหยี่ยว หรือนกยูงกลุ่มปลาแปลก เช่น ปลาปักเป้าฟาฮากา หรือปลาเทพา และกลุ่มสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เช่น แฮมสเตอร์ สุนัขจิ้งจอก ชูการ์ไกลเดอร์อย่างเช่น นก งู เต่า ปลาสวยงาม มด แมงมุม เป็นต้น
เทรนด์ “Pet Parents” กลุ่มที่มีขนาดใหญ่ที่สุดคือ Petriarchy หรือ“ทาสหมา ทาสแมว” เทรนด์การเลี้ยงสัตว์เป็นลูก เสมือนคนในครอบครัว หรือ ‘Pet Parent’ กำลังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ตลาดสัตว์เลี้ยงเติบโต มีการคาดการณ์ว่าในปี 2026 ทั่วโลกจะมีมูลค่าสูงถึง 2.1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐหรือเติบโตเฉลี่ยปีละ 7.2% โดยธุรกิจสินค้าและบริการที่เกี่ยวเนื่องกับสัตว์เลี้ยงมีมูลค่าราว 6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงมีมูลค่า 1.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
การเติบโตของตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงนี้ จะเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่าน ๆ มาปัจจัยที่ส่งผลให้ตลาดเติบโตต่อเนื่องได้แก่ ประชากรที่มีอายุมากขึ้น รายได้ที่เพิ่มขึ้น และความสนใจในการเลี้ยงสัตว์ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงในฐานะของสมาชิกครอบครัว เป็นเสมือนเด็กน้อยหรือลูกคนหนึ่ง ส่วนหนึ่งด้วยการตัดสินใจดูแลสัตว์เลี้ยงแทนการมีลูกจากความกังวลถึงอนาคตของโลก และได้รับการยอมรับมากขึ้นของกลุ่ม LGBTQ+
ซึ่งการเติบโตดังกล่าวส่งผลให้ในปี 2024 สิ่งที่ธุรกิจต้องให้ความสนใจ คือ การจัดรูปแบบบริการให้รองรับกลุ่มคนที่มีสัตว์เลี้ยง หรือ พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีลูกเล่นต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง อาหารและของเล่นสำหรับสัตว์เลี้ยง บริการดูแลสัตว์เลี้ยง ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเพิ่มความมีสุขอนามัยให้ผู้เลี้ยงสัตว์ โดยการรองรับลูกค้าที่มีสัตว์เลี้ยงต้องดำเนินการให้ถูกหลักสุขอนามัย และไม่ทำให้รบกวนลูกค้าที่อาจไม่ได้ชอบสัตว์เลี้ยง
ธุรกิจที่ได้อานิสงค์จากการเติบโตของของเทรนด์ “Pet Parents” อย่างโรงพยาบาลสัตว์ในไทย มีการขอขึ้นจดทะเบียนในปี 2566 รวมประมาณ 800 แห่ง เพิ่มขึ้นจากในปี 2565 มีการขอขึ้นทะเบียน 500-600 แห่ง ปัจจุบันมีโรงพยาบาลสัตว์ที่จดทะเบียนทั่วประเทศมากกว่า 3,500 แห่งนอกจากนี้ในปี 2024 สิ่งที่จะเห็นเพิ่มมากขึ้นคือการเพิ่มพื้นที่ให้นำสัตว์เลี้ยงออกมาใช้บริการได้อย่าง ห้างสรรพสินค้า โรงภาพยนตร์ โรงแรม ร้านอาหารรู้อย่างนี้แล้ว อย่าลืมสร้าง “โอกาส” ในการต่อยอดธุรกิจใน 3 เทรนด์นี้ 

หน้า 15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 ฉบับที่ 3,953 วันที่ 31 ธันวาคม 2566 - 3 มกราคม พ.ศ. 2567