World Marketing Forum เปิดเวที เจาะลึกเทรนด์การตลาดสู่ Marketing 6.0

17 พ.ย. 2566 | 06:12 น.

ฟิลิป คอตเลอร์ นำทีมวิทยากรชั้นนำด้านการตลาดจาก 5 ทวีปทั่วโลก ร่วมเสวนาและเปิดตัวหนังสือ Marketing 6.0 ลั่น ใน 5 ปี หากย่ำอยู่กับที่ ไม่มีความยั่งยืน ธุรกิจไปไม่รอด

สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย (Marketing Association of Thailand) ร่วมกับ สหพันธ์การตลาดแห่งเอเชีย (Asia Marketing Federation) จัดงาน World Marketing Forum ครั้งที่ 3 และได้รับเชิญวิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดชั้นนำจาก 5 ทวีปทั่วโลก สอดรับเทรนด์การตลาดยุคใหม่ ภายใต้แนวคิดจักรวาลการตลาดยุคใหม่ “The New Marketingverse : Meta Mitri Meetang” พร้อมเปิดตัวหนังสือ Marketing 6.0 ตั้งรับเทรนด์โลกปี 2567 

นายบุรณิน รัตนสมบัติ นายกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย เผยถึงการเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจที่ทำให้การวางยุทธศาสตร์ด้านการตลาดต้องปรับเปลี่ยนให้ทัน ซึ่งแนวโน้มการตลาดในปี 2567 ที่จะก้าวสู่ Marketing 6.0 นับเป็นแรงผลักดันให้นักการตลาดไทยต้องเตรียมรับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ ทั้งนี้ การตลาดของไทยในปี 2560 ที่ผ่านมาถือเป็นการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ Marketing 4.0 ยุคของอีคอมเมิร์ซ (E-Commerce) และในปี 2564 ได้มีการก้าวเข้าสู่ Marketing 5.0 ยุคของ Marketing Technology และ Artificial Intelligence (AI) อีกด้วย

นายบุรณิน รัตนสมบัติ นายกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย

ปรมาจารย์ด้านการตลาดระดับโลกหรือบิดาการตลาดสมัยใหม่ “ฟิลิป คอตเลอร์” (Philip Kotler) ซึ่ง Live เข้ามาพูดคุยกันในงานแบบ Real Time พร้อมเปิดตัวหนังสือโลกการตลาดยุค 6.0 (Marketing 6.0) กล่าวบรรยายว่า ปัจจุบันผู้บริโภคสามารถค้นหาบริษัท เพื่อดูผลิตภัณฑ์ ราคา ความคิดเห็นของผู้บริโภคคนอื่น ๆ เกี่ยวกับบริษัทหรือผลิตภัณฑ์นั้นๆ ได้ เปรียบเทียบให้เห็นการขายผลิตภัณฑ์เดียวกัน ในราคาที่ต่ำกว่า ดังนั้นบริษัทจะต้องทำให้ลูกค้าพึงพอใจในตัวผลิตภัณฑ์ ไม่เช่นนั้นลูกค้าอาจแสดงความคิดเห็น และแสดงมุมมองที่ไม่ดีต่อบริษัทได้

ขณะเดียวกันนักการตลาดก็ฉลาดขึ้น มีข้อมูลมากขึ้นกว่าที่เคยมีในอดีต ซึ่งเป็นข้อมูลที่เกี่ยวกับความต้องการของตลาด คู่แข่ง ช่องทางการตลาด นักการตลาดทุกวันนี้ยังสามารถเข้าถึง และรู้ข้อมูลที่เกี่ยวกับคู่แข่งมากขึ้น  เช่น โฆษณาหรือราคา ทำให้บริษัทสามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้ทันที และมีการใช้ระบบการตลาดอัตโนมัติ เข้ามาช่วยทำงานมากขึ้น รวมถึงการซื้อโฆษณาจาก Facebook, Google และช่องทางอื่น ๆ เพื่อเพิ่มยอดขายให้ได้มากกว่าสมัยก่อน

อย่างไรก็ดี ผู้บริโภคสามารถซื้อสินค้าจากที่บ้านได้ และถึงแม้ว่ายอดขายในร้านจะมีสัดส่วนมากกว่ายอดขายออนไลน์ แต่ยอดขายออนไลน์กลับมีการเติบโตที่เร็วกว่าอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในช่วงวิกฤติโรคระบาดที่ผ่านมา ทำให้แบรนด์และบริษัทต่าง ๆ ต้องทำงานและแก้โจทย์กันหนักมากขึ้น เพื่อดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาหาแบรนด์ ทั้งนี้ อนาคตของการตลาดรูปแบบใหม่ ได้แก่ AI (Social, Digital, Algorithms) , Marketing Automation, Customer Journey Mapping,  Touchpoint Marketing, Personas Marketing, Content Marketing และ Influencer Marketing

โดยการเข้ามาของ AI, ChatGPT และการตลาดเสมือนจริง จะเข้ามามีบทบาทในเรื่องของการตลาดมากขึ้น และเป็นเครื่องมือที่จำเป็นในการทำธุรกิจ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (Al) และอัลกอริทึม, สื่อดิจิทัลและโซเชียลมีเดีย,  การจดจำเสียงและใบหน้า , Big Data และการเรียนรู้ของแช็ตบอต, AR และ VR เทคโนโลยีเสมือนจริง ,  Intelligent Virtual Agents เอเจนซีการตลาดในโลกเสมือน, เครื่องจักรอัตโนมัติ (หุ่นยนต์ โดรน ยานพาหนะที่ขับเคลื่อนด้วยตนเอง) , ระบบเซนเซอร์ และ Internet of Things

ปัญหาโลกร้อนเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนต้องช่วยกันและบริษัทต้องหันมาใส่ใจความยั่งยืนมากขึ้น เช่น ลดการใช้พลาสติก การรีไซเคิล ลดการใช้รถยนต์ และลดการบินให้น้อยลง เรื่องความยั่งยืนที่คนสมัยใหม่ให้ความสำคัญมาก และจะมีอิทธิพลต่อการทำการตลาดมากขึ้นเรื่อย ๆ

หลักการสำคัญของการตลาดยุคใหม่ 

  • ตั้งเป้าหมายในการตอบสนอง หรือสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า
  • กลยุทธ์ 4A’s (รับรู้, เข้าถึง, ยอมรับ และความสามารถในการจ่าย)
  • กลยุทธ์ 4P's (สินค้า, ราคา, สถานที่ และโปรโมชัน)
  • กลยุทธ์ 4C (บริษัท, ลูกค้า, ผู้ร่วมงาน และคู่แข่ง)
  • การทำ STP การแบ่งส่วนตลาด, การกำหนดเป้าหมาย และการวางตำแหน่งของตัวเอง
  • กลยุทธ์ 5A's (สร้างการรับรู้, ดึงดูดความสนใจ, นำเสนอคำตอบของคำถาม เพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจ, การตัดสินใจซื้อ และแนะนำให้เกิดการบอกต่อ)

เทรนด์การตลาดในอนาคต

  • ผู้ซื้อจะสามารถเลือกแบรนด์ที่ดีที่สุด โดยไม่ต้องพึ่งโฆษณาหรือพนักงานขาย  
  • ความสำเร็จทางการตลาดจะขึ้นอยู่กับ การกำหนดราคาที่ฉลาด การสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง และการมีช่องทางตลาดที่โดดเด่น
  • ความครีเอทิฟทางการตลาดสำคัญ ต้องสร้างการตลาดเชิงประสบการณ์ให้ลูกค้ามีส่วนร่วม
  • นักการตลาดจะใช้ประโยชน์จาก Customer Journey Mapping, Touchpoint Marketing, Personas, Content และ Influencer Marketing
  • AI และ Machine Learning จะมีส่วนเป็นอย่างมาก ในการระบุและวิเคราะห์หาคนที่มีโอกาสเป็นลูกค้าที่ดีที่สุด

“ภายใน 5 ปี ถ้าธุรกิจของคุณยังอยู่ในจุดเดิมที่คุณอยู่ในตอนนี้ คุณอาจจะเจ๊งเลยก็ได้ ถ้าคุณไม่เพิ่มเติมในเรื่องความยั่งยืนเข้าไปในตัวธุรกิจของคุณ คุณจะไปไม่รอดแน่นอน” 

การเสวนางาน World Marketing Forum ครั้งที่ 3 โดย วิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดชั้นนำจาก 5 ทวีปทั่วโลก - Day 1 (16/11/66)

การจัดงาน World Marketing Forum ในครั้งนี้ ผู้เข้าร่วมสัมนาจะได้พบกับหัวข้อเสวนากว่า 20 เซสชั่น โดยกูรูธุรกิจและการตลาด 30 ท่านจากทั่วทุกมุมโลก นำโดยบิดาแห่งการตลาดยุคใหม่ ฟิลิป คอตเลอร์ (Philip Kotler) ที่จะมา Live พูดคุยแบบ Real Time ถึงความเป็น Marketing 6.0 ในยุคปัจจุบัน พร้อมเปิดตัวหนังสือโลกการตลาดยุค 6.0 (Marketing 6.0) ทั้งนี้ งาน World Marketing Forum ครั้งที่ 13 ถูกจัดขึ้นในวันที่ 16 - 17 พฤศจิกายน 2566 โดยแบ่งเซคชันเป็น 2 วันเต็ม 

ซึ่งนอกจากได้พบกับ บิดาแห่งการตลาด ฟิลิป คอตเลอร์ (Philip Kotler) แล้ว ยังได้พบกับเหล่าวิทยากรชั้นนำจาก 5 ทวีป มาเปิดโลก Marketing 6.0 ให้เห็นภาพกว้าง เข้าใจเชิงลึก และเท่าทันในทุกประเด็นการตลาดยุคใหม่ รวมถึงได้พบกับการตีความ The New Marketingverse และ Marketing 6.0 ในบริบทของประเทศไทย เจาะลึกว่า Soft Power แบบของไทย จะพาเราให้ก้าวนำในโลกการตลาดยุคใหม่ได้อย่างไร

Marketing 6.0 : The Future is Immersive

Marketing 1.0 ถึง Marketing 6.0

ในส่วนของความแตกต่างระหว่างเนื้อหาในหนังสือทั้ง 6 ซีรีส์ ตั้งแต่ Marketing 1.0 มาจนถึง Marketing 6.0 นั้น นาย Iwan Satiawan ผู้ร่วมประพันธ์หนังสือ “Marketing 6.0 The Future is Immersive” ร่วมกับ Philip Kotler และ Hermawan Kartjaya ได้แจกแจงว่า Marketing 1.0 จะเป็นหนังสือซีรีส์ที่พูดถึงเรื่องของการตลาดที่เน้นตัวผลิตภัณฑ์, Marketing 2.0 จะเน้นไปที่ความต้องการของลูกค้า เพื่อให้สามารถออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ลูกค้า, Marketing 3.0 เน้นไปที่การทำอย่างไรให้ผลิตภัณฑ์และบริการของเราไปได้ไกล ภายใต้คอนเซปต์ของความยั่งยืน, Marketing 4.0 จะนำเสนอแนวคิดการตลาดในโลกดิจิทัล, Marketing 5.0 เป็นเรื่องการเข้ามามีบทบาทของ AI ว่ามีบทบาททางการตลาดอย่างไร และสำหรับ Marketing 6.0 ซีรีส์ใหม่ล่าสุดที่ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน World Marketing Forum ครั้งที่ 13 นี้ จะพูดถึงประสบการณ์ความรู้สึกที่สมจริงอย่างไร้เส้นแบ่ง จะมีการพูดถึง AI และเทคโนโลยีอื่นๆ อีกมากมายที่จะเป็นตัวผลักดันให้การตลาดก้าวต่อไป 

รู้จัก Marketing 6.0 ให้มากขึ้น
ในปัจจุบัน เมตาเวิร์ส (Metaverse) เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น รวมถึงโลกธุรกิจเช่นกัน แต่ในขณะเดียวกัน ผู้บริโภคยังคงให้ความสำคัญกับประสบการณ์ที่จับต้องได้ Marketing 6.0 หรือ Marketing in the Metaverse จึงนับเป็นการผสาน โลกจริง (Physical) หรือ โลกออฟไลน์ (Offline) ให้เข้ากับ โลกเสมือน (Digital) หรือโลกออนไลน์ (Online) อย่างแนบเนียน ทั้งนี้ เทคโนโลยีที่ล้ำสมัย โดยเฉพาะ Metaverse จะเข้ามาเป็นเครื่องมือสำคัญอย่างมาก ในการสร้างประสบการณ์ที่เชื่อมโยงระหว่างธุรกิจ และลูกค้า

ตัวอย่าง เช่น วงการความงามที่นำเทคโนโลยีมาใช้ ไม่ว่าจะเป็น การนำ AI (Artificial Intelligence) มาตรวจจับสีผิวอันเดอร์โทน เพื่อเลือกสีเครื่องสำอางที่เหมาะสม หรือ การนำเทคโนโลยี AR (Artificial Reality) มาใช้ที่เคาน์เตอร์ เพื่อให้ลูกค้าได้ทดลองสีลิปสติกที่เหมาะกับตัวเอง เมื่อคุณได้ลิปสติกที่ต้องการ ก็สั่งซื้อผ่านระบบออนไลน์ที่เคาน์เตอร์ และเมื่อชำระเงินเรียบร้อย พนักงานจะนำลิปสติกที่คุณสั่งซื้อมาให้ นับเป็นการสร้าง Seamless Experience หรือการออกแบบประสบการณ์แบบไร้รอยต่อให้ลูกค้า ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ 

5 เทคโนโลยีที่ควรเรียนรู้ ในยุค Marketing  6.0

  1. Internet of Things (IoT) ระบบที่เชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ โดยประมวลผล และแลกเปลี่ยนข้อมูล ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
  2. AI (artificial intelligence) เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการทำงานและการใช้ชีวิต
  3. 3D Asset วัตถุที่ถูกสร้างขึ้นในรูปแบบสามมิติ (3D) เพื่อเข้ามาช่วยในการออกแบบกลยุทธ์หรือสินค้าที่อยู่ในโลกเสมือนจริง
  4. Blockchain เทคโนโลยีที่ใช้จัดเก็บ และดูแลข้อมูล เพื่อป้องกันการรั่วไหล
  5. AR และ VR เทคโนโลยี ที่เชื่อมโลกเสมือนจริงเข้าไว้ด้วยกัน AR เป็นการนำข้อมูลดิจิทัลมาแสดงผลบนโลกแห่งความเป็นจริง ในขณะที่ VR คือการนำผู้ใช้เข้าสู่โลกเสมือนจริงที่ถูกสร้างขึ้น

ทั้งนี้ จะมีการนำแนวคิด The New Marketingverse และ Marketing 6.0 มาตีความในบริบทของประเทศไทย พร้อมเจาะลึกถึงความเป็น Soft Power ของไทย ว่าจะพาเราให้ก้าวนำในโลกการตลาดยุคใหม่ได้อย่างไร โดยมีทั้งกูรูนักการตลาดชั้นนำของไทยและต่างประเทศเข้าร่วมการเสวนา เพื่อเปิดมุมมองและแนวทางการปรับตัวให้เข้ากับความแตกต่างและหลากหลายของตลาด รวมถึงแชร์วิธีการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในระดับโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ