ฟู้ด แฟคเตอร์ พลิกโฉม “เหม็ง แซ็ปนัว” รับเทรนด์อาหารอีสานโตแรง

08 ต.ค. 2566 | 06:25 น.

ฟู้ด แฟคเตอร์ รีแบรนด์ “เหม็ง แซ็ปนัว” เติมเมนู ชิงแชร์ตลาดร้านอาหารอีสาน 2-3 หมื่นล้าน พร้อมเดินหน้าขยายสาขาเพิ่ม 5-6 แห่งในปีหน้า หวังกวาดรายได้ 200 ล้านบาท

นายสมบัติ หงส์ไพฑูรย์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เคที เรสทัวรองท์ จำกัด ภายใต้บริษัท ฟู้ด แฟคเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า เหม็ง แซ็ปนัว เป็นร้านอาหารไทยอีสานสไตล์โมเดิร์น ที่มีเมนูหลากหลาย ซึ่งการรีแบรนดิ้งครั้งใหญ่ จาก “เหม็ง นัวนัว” เป็น “เหม็ง แซ็ปนัว”  ด้วยคอนเซ็ปต์อาหารรสจัดจ้าน ในราคาที่จับต้องได้

พร้อมเพิ่มเมนูอาหารให้มีความหลากหลายยิ่งขึ้น โดยมีไฮไลต์คือ จิ้มจุ่ม โดยใช้หม้อไฟฟ้าเพื่อความทันสมัย ทานคู่กับน้ำซุปน้ำจิ้มสูตรพิเศษของทางร้าน

“เหม็ง แซ็ปนัวโฉมใหม่ จะเพิ่มความเป็นไทยอีสานที่โมเดิร์น ทั้งการตกแต่งร้าน และเปลี่ยนยูนิฟอร์มของพนักงาน ให้มีสีสันที่สดใสสนุกสนาน และมีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น โดยยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์โดดเด่นของภาคอีสาน”

ฟู้ด แฟคเตอร์ พลิกโฉม “เหม็ง แซ็ปนัว” รับเทรนด์อาหารอีสานโตแรง

พร้อมเดินหน้ากลยุทธ์ มิวสิค มาร์เก็ตติ้ง เสริมความสนุกสนานไปกับการรับประทานอาหารที่ร้าน กับเพลง “ไปเหม็ง แซ็ปนัว แล้ว มันโดนใจ” ที่แต่งขึ้นโดยเฉพาะ โดยศิลปินชื่อดัง “พัดชา ชนุดม สุขสถิตย์” ตั้งเป้าขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุมทั้งวัยรุ่น คนทำงาน และ กลุ่มครอบครัว

ปัจจุบันตลาดอาหารไทยอีสานมีมูลค่า 2-3 หมื่นล้านบาท แม้ว่าจะมีกลุ่มธุรกิจอาหารใหม่ๆ เพิ่มขึ้น แต่คาดว่าธุรกิจอาหารอีสานยังคงเติบโตได้ถึง 50-60%  โดยในปีนี้เหม็ง แซ็ปนัว จะมีรายได้ 130 ล้านบาทและคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 200 ล้านบาทในปีหน้า โดยคาดว่าแต่ละสาขาจะทำรายได้เพิ่มขึ้น 20-30% ขณะที่รายได้ของเหม็ง แซ็ปนัวมีสัดส่วนราว  20% ของเคที เรสทัวรองท์

ฟู้ด แฟคเตอร์ พลิกโฉม “เหม็ง แซ็ปนัว” รับเทรนด์อาหารอีสานโตแรง

นายสมบัติ  ยังกล่าวอีกว่า ในภาวะวัตถุดิบที่ราคาสูงขึ้น และค่าแรงที่เพิ่มขึ้นในอนาคต จะมีการบริหารต้นทุนโดย ให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะแรงงานให้สูงขึ้นโดยสัดส่วนต้นทุนที่ใช่กับแรงงานคิดเป็น 20% ของต้นทุน และหาซัพพลายเออร์วัตถุดิบที่มีคุณภาพในปริมาณที่มาก โดยจะไม่ให้กระทบต่อราคาอาหารที่ลูกค้าต้องจ่าย

ปัจจุบันนี้ เหม็ง แซ็ปนัว มีสาขาทั้งหมด 13 แห่งในกรุงเทพ โดยเตรียมขยายสาขาใหม่อีก 5-6 แห่งภายในปีหน้า คาดว่าภายใน 4 ปี จะขยายได้ถึง 50 สาขาในกรุงเทพฯ และจะรุกขยายสาขาไปยังต่างจังหวัดในอนาคต