นางสาวสุวดี พึ่งบุญพระ ประธานกรรมการ พีพี กรุ๊ป ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายแบรนด์ลักชัวรี อาทิ Tory Burch, Givenchy, Longchamp, MCM, Off-White™ ฯลฯ เปิดเผยว่า ภาพรวมของพีพี กรุ๊ปในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาพบว่ามีการพัฒนาธุรกิจอย่างก้าวกระโดด แม้จะมีวิกฤตโควิด-19 แต่ยอดขายยังเติบโต 45% โดยในปีนี้คาดว่าจะสามารถทำยอดขายได้ราว 2,000 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้นจาก 5 ปีก่อนเกือบเท่าตัว
จากการลงทุนภายในปีนี้ที่มากกว่า 170 ล้านบาท โดยการเพิ่มจุดขายในทุกพื้นที่ในจุดยุทธศาสตร์จากเดิม 2,254 ตารางเมตร หรือ 20 จุดขาย เป็น 4,342 ตารางเมตร หรือ 40 จุดขาย ทั้งใน ของ Permanent Store และ Pop-Up Store ภายในสิ้นปีนี้ พร้อมมุ่งมั่นเดินหน้าขยายช่องทางการจัดจำหน่าย สู่แพลตฟอร์มออมนิแชนอลเต็มรูปแบบผ่าน PP Group Online Store และตั้งเป้าหมายที่จะเติบโตต่อเนื่องเป็น 2 เท่าใน 3 ปีข้างหน้า ซึ่งจะทำให้มียอดขายเป็น 4,000 ล้านบาทในปี 2569
“การเดินหน้าอย่างต่อเนื่องของบริษัททำให้เรามั่นใจได้ว่า พีพี กรุ๊ปจะสามารถสร้างการเติบโตเป็น 2 เท่าภายใน 3 ปีข้างหน้า หรือขยายธุรกิจให้ได้ 4,000 ล้านภายในปี 2569 โดยให้ความสำคัญกับธุรกิจแบบ Brick and Mortar ที่มีหน้าร้านสู่อีคอมเมิร์ซ จึงขายสินค้าได้ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ทำให้มีศักยภาพสูงในการดำเนินธุรกิจ และมีกลยุทธ์ในการเพิ่มพื้นที่และจุดขายเพื่อตอบรับความต้องการและแนวโน้มของตลาด”
ด้านนายโอฬาร ปุ้ยพันธวงศ์ รองประธานกรรมการ พีพี กรุ๊ป กล่าวว่า ภาพรวมตลาดแฟชั่นรีเทลในประเทศไทยมีมูลค่ารวมเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มลักชัวรี ทำให้ยอดขายของแบรนด์ที่บริหารโดยกลุ่ม พีพี กรุ๊ป สามารถทำยอดขายได้เป็นอันดับต้นๆ ของโลก หรือของภูมิภาคมาโดยตลอด และยังคงเดินหน้าขยายแบบแผนการดำเนินธุรกิจใหม่ สินค้า และบริการให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น เพื่อสร้างคุณค่าให้กับลูกค้าและเพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่หลากหลายในปัจจุบันโดยเฉพาะด้านไลฟ์สไตล์
“ร้านของแบรนด์ในพีพีกรุ๊ปไม่ได้เป็นแค่จุดขาย แต่เป็น Shopping Destination ที่คนไทยและต่างชาติอยากจะเข้ามาสัมผัสและสร้างประสบการณ์กับแบรนด์เทียบเท่ากับการไปใช้บริการในร้านหรือช้อปใหญ่ๆ ของโลก บริษัทวางแผนขยายโครงสร้างธุรกิจให้มีความหลายหลาก เพื่อรองรับรูปแบบธุรกิจของ Luxury Fashion ที่เปลี่ยนไปทั้งเรื่องของ Fashion Distributor , International Business Joint Venture อย่างเช่นแบรนด์ Gentle Monster, Retail Operation Service บางแบรนด์ตอนนี้ อยากจะถือความเป็นเจ้าของแบรนด์ในเมืองไทยแต่ยังขาดความเชี่ยวชาญและความเข้าใจในตลาดไทย
ทางพีพี กรุ๊ป ก็ซัพพอร์ตโดยใช้จุดแข็งของเราเพื่อบริหารธุรกิจให้รูปแบบ Operation Service อาทิ Marketing & Brand Building Consultancy ด้วยคอนเนคชั่นที่แข็งแรงทั้งสื่อและเซเลบริตี้ อีกทั้งด้วยหลายๆ โปรเจคที่เราทำแล้วประสบความสำเร็จ ถือเป็นเครื่องการันตีความมั่นใจให้หลากหลาย International Fashion Brand เลือกให้เราเป็นที่ปรึกษาในการทำ Brand Building ในเมืองไทย Marketing & Brand Building Consultancy จึงเป็นอีกหนึ่งเซอร์วิสที่เราโฟกัสอีกด้วย”
นายโอฬาร กล่าวว่า บริษัทวางกลยุทธ์ในการเพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขันและตอบสนองความต้องการในการเลือกซื้อสินค้าและบริการของผู้บริโภคในทุกรูปแบบ เพื่อให้เกิดเป็น Seamless Shopping Experience อย่างแท้จริง รวมทั้งเปิดตัว 2 แบรนด์ใหญ่ ล่าสุดเมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา กับการร่วมทุนนำเข้าแบรนด์ “เจนเทิล มอนสเตอร์” (Gentle Monster) แบรนด์แว่นตาสัญชาติเกาหลี เปิดแฟล็กชิปสโตร์แห่งแรกในเมืองไทยที่ศูนย์การค้าดิเอ็มควอเทียร์
นอกจากนี้ในต้นปี 2567 มีแผนขยายตลาดในกลุ่มเซกเมนต์ใหม่ โดยโฟกัสในการนำเข้าแบรนด์ใหม่มาแรงเพื่อสร้างความหลากหลายให้กับธุรกิจแฟชั่นรีเทลในเมืองไทย เริ่มต้นจากแบรนด์ “อาร์มี่” (AMI) ซึ่งเป็นดีไซเนอร์แบรนด์ สัญชาติฝรั่งเศสที่กำลังมาแรงมากในขณะนี้ ก่อตั้งและออกแบบโดย Alexandre Mattiussi ซึ่งจะมาเปิดร้านแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ประเทศไทย
หน้า 16 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 ฉบับที่ 3,924 วันที่ 21 - 23 กันยายน พ.ศ. 2566