“เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ” มองไทยเตรียมรับมือความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และวิถีชีวิต จากเทรนด์การแพทย์และการดูแลสุขภาพ "สังคมสูงวัย-สุขภาพจิต-โรคอุบัติใหม่" เป็นแรงขับให้เกิดนวัตกรรมและธุรกิจใหม่ต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่มีแนวโน้มเติบโตสดใส แนะนวัตกรและนักลงทุนปรับตัวตามให้ทัน
ดร.ชัยธร ลิมาภรณ์วณิชย์ ผู้อำนวยการฝ่ายยุทธศาสตร์นวัตกรรม และสถาบันการมองอนาคตนวัตกรรม (IFI) ภายใต้สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA เปิดเผยว่า สำหรับประเทศไทย ความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และวิถีชีวิต จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตคนไทยมากขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี แต่การเข้าถึงบริการด้านสุขภาพจิตยังไม่ครอบคลุม เพราะฉะนั้นต้องสนับสนุนให้มีการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้เพื่อช่วยยกระดับสุขภาวะของคนไทย
ซึ่งปัจจุบันก็มีสตาร์ทอัพไทยจำนวนมากที่มีบริการนวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์ทางด้านสุขภาพจิตหลากหลายรูปแบบ เช่น การทำแอปพลิเคชันที่นำเสนอกิจกรรมสร้างเสริมสุขภาพจิตรูปแบบต่าง ๆ และแชทบอทที่ช่วยเก็บข้อมูลไปวิเคราะห์ความเสี่ยงอาการซึมเศร้า เป็นต้น
นอกจากนี้ ประเทศไทยต้องเตรียมรับมือกับการอุบัติของโรคใหม่ ซึ่งเกี่ยวข้องกับปัจจัยหลายประการ เช่น การเพิ่มขึ้นของประชากรที่สวนทางกับทรัพยากรทางธรรมชาติ ความหลากหลายทางชีวภาพที่ลดลง การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ปัจจัยเหล่านี้สร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการแพร่ระบาดของเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัสต่างๆ และมีโอกาสที่ทำให้เกิดโรคอุบัติใหม่ และอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงด้านสุขภาพ สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจและสังคม ดังนั้น การพัฒนาประเทศต้องคำนึงถึงปัจจัยเหล่านี้ไปพร้อมๆ กัน
ด้าน นพ.ฆนัท ครุธกูล นายกสมาคมสมาพันธ์สถานประกอบการเพื่อสุขภาพและผู้สูงอายุ กล่าวว่า งานวิจัยพบว่าทั่วโลกจะมีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป มากกว่า 21.5 % ของประชากรทั้งหมด หรือกว่า 2,092 ล้านคน ในปี 2593 โดยประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมสูงวัยระดับสุดยอด (มีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปมากกว่า 28% ของประชากรทั้งหมด) ในปี 2576 และพบว่าผู้สูงอายุจำนวนมากมีกำลังทรัพย์ในการใช้จ่าย โดยมีธุรกิจที่เติบโตได้ดีในสังคมผู้สูงอายุ ได้แก่ ธุรกิจบริการสุขภาพ ธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพ ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ ธุรกิจเกี่ยวกับความงาม และธุรกิจนำเที่ยวผู้สูงวัย
โดยเฉพาะธุรกิจสถานประกอบการดูแลผู้สูงอายุ จากข้อมูลศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics พบว่า ธุรกิจศูนย์ดูแลผู้สูงอายุจะได้รับแรงหนุนจากโครงสร้างประชากรในปัจจุบันที่มีอัตราการมีลูกน้อยลงและลดการพึ่งพิงครอบครัว ทำให้มูลค่าของธุรกิจศูนย์ดูแลผู้สูงอายุขยายตัวแตะ 1.92 หมื่นล้านบาทในปี 2576
ตลาดสินค้าและบริการสำหรับผู้สูงอายุมีแนวโน้มเติบโต แต่ก็ยังไม่พอและไม่ทันกับจำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นมาก อายุยืนยาวขึ้น และอัตราการเสียชีวิตช้าลง ดังนั้น ตลาดต้องปรับตัวโตให้ทัน โดยกลุ่มธุรกิจเฮลธ์เทคสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องทั้งรูปแบบ B2B เช่น ระบบจัดการข้อมูลผู้ป่วย จัดสรรบุคลากรและยา ระบบปรึกษาแพทย์ทางไกล แพลตฟอร์มเชื่อมโยงบริการสุขภาพครบวงจร การใช้ AI วิเคราะห์โรคเบื้องต้น และรูปแบบ B2C เช่น แอปพลิเคชันข้อมูลสุขภาพ ออกกำลังกายออนไลน์ Virtual class บริการสุขภาพที่บ้าน ดูแลผู้ป่วย ผู้สูงอายุที่บ้าน อุปกรณ์การแพทย์ที่บ้าน
"มหกรรมเมดิคอล แฟร์ ไทยแลนด์ ถือเป็นแพลตฟอร์มสำคัญสำหรับการเติบโตของธุรกิจ ซึ่งเป็นศูนย์รวมของผู้จัดจำหน่าย ผู้ผลิต และผู้แทนจากแบรนด์ต่างๆ เสริมความแข็งแกร่งให้กับแวดวงอุตสาหกรรมการแพทย์และการดูแลสุขภาพ ในจุดยุทธศาสตร์ของอาเซียน ซึ่งภายในงานเมดิคอลแฟร์ ไทยแลนด์ประกอบไปด้วย 3 ส่วนหลัก คือ 1) สตาร์ทอัพพาร์ค เพื่อสร้างความร่วมมือและต่อยอดทางธุรกิจ ผลักดันสตาร์ทอัพให้เติบโตควบคู่กับสุขภาพของประชาชน 2) พาวิลเลี่ยนดูแลสุขภาพชุมชน ที่มุ่งเน้นนวัตกรรมและโซลูชั่นที่เกี่ยวข้องเทรนด์สุขภาพในอนาคต ทั้งระบบอัฉริยะและเครื่องมือในดูแลรักษาโรค เวชศาสตร์ผู้สูงวัย การฟื้นฟูสมรรถภาพ ฯลฯ และ 3) พาวิลเลี่ยนอุตสาหกรรมการผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ ไฮไลท์พิเศษที่เปิดตัวในประเทศไทยเป็นครั้งแรกในปีนี้ นำเสนอนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับด้านวัสดุ ผลิตภัณฑ์ แพคเกจจิ้ง และบริการขั้นสูง จนถึงไมโครโปรเซสเซอร์และนาโนเทคโนโลยี ซึ่งการเติบโตของวงการการเฮลธ์เทคนี้จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งเสริมการลงทุน และเศรษฐกิจในระดับมหภาค"