"ดิจิลิ้งก์" จับมือ 2 App จีน เปิดทางธุรกิจไทย บุกแดนมังกร

07 ก.ค. 2566 | 10:40 น.
อัปเดตล่าสุด :07 ก.ค. 2566 | 10:44 น.

เปิดโรดแมป “ดิจิลิ้งก์ ประเทศไทย” เดินหน้าขนทัพธุรกิจไทยปูพรมรุกตลาดจีน MOU 2 App ยักษ์ใหญ่จีน “DouYin - XiaoHongShu” หวังใช้เป็นเส้นทางลัดบุกแดนมังกร

นางสาวพรรณอวิกา ลิมปะพันธุ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ดิจิลิ้งก์ ประเทศไทย จำกัด บริษัทตัวแทน “ดิจิลิ้งก์ เอเชีย” ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดบนโซเชียล มีเดียครบวงจร ในสาธารณรัฐประชาชนจีน เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ตลาดประเทศจีน เป็นเค้กก้อนใหญ่ ที่คนไทยและทั่วโลกจับจ้อง ด้วยจำนวนประชากรและกำลังซื้อที่มหาศาล

ทำให้หลายประเทศสนใจเข้าไปลงทุน ขณะที่ประเทศไทยเองมีความได้เปรียบ เพราะคนจีนให้ความสนใจและนิยมสินค้าไทย ขณะที่สินค้าไทยมีอะแวร์เนสในจีน และคนจีนให้การยอมรับ รู้จักกับประเทศไทย เช่นเดียวกับประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นโอกาสของไทย ที่ไม่ต้องสร้างแบรนด์เหมือนกับหลายประเทศ

หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายและกลับเข้าสู่สถานการณ์ปกติ ทำให้ธุรกิจในประเทศจีนกลับมาเดินหน้าเต็มรูปแบบ ซึ่งเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยทั้งองค์กรขนาดใหญ่ และเอสเอ็มอี ที่ต้องการขยายตลาดไปยังประเทศจีน ซึ่งมีประชากรกว่า 1,400 ล้านคนและมีกำลังซื้อมหาศาล แต่การแข่งขันที่สูง ทำให้ต้องอาศัยผู้ที่มีประสบการณ์และความชำนาญเฉพาะทาง

"ดิจิลิ้งก์" จับมือ 2 App จีน เปิดทางธุรกิจไทย บุกแดนมังกร

สำหรับดิจิลิ้งก์ ประเทศไทยให้บริการดิจิทัล เอเจนซีครบวงจร ทั้งการวางแผนสื่อสารบนโลกโซเชียลมีเดีย การกำหนดคอนเทนต์ การเลือกใช้สื่อ การกำหนดโปรโมชั่น เพย์เม้นท์ การเลือกใช้ KOL และ KOC ฯลฯ แก่ผู้ประกอบการไทยและต้องการขยายตลาดในประเทศจีน ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี

โดยเฉพาะการเป็นพันธมิตรอย่างเป็นทางการในการให้บริการ “WeChat” หรือ Weixin ซึ่งชาวจีนนิยมใช้ WeChat ซึ่งเป็น App ที่ใหญ่ที่สุดในจีน มีผู้ใช้งานมากกว่า 1.3 พันล้านยูสเซอร์ ถือเป็นแพลตฟอร์มหลัก และล่าสุดยังได้ให้บริการ “WeChat+” โดยการรวมกันของ WeChat + UnionPay เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่มีการใช้บัตรเครดิตนำเอา Data เข้ายิงให้ถึงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น

อย่างไรก็ดี เพื่อรองรับการเปิดประเทศของจีน บริษัทได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพันธมิตรอย่างเป็นทางการ (Official Partner) ของ 2 แอปพลิเคชั่นใหญ่ ได้แก่ 1. โต่วยิน (Douyin) ซึ่งเป็น App หลักที่คนจีนใช้สำหรับเชื่อมต่อกับโลกวิดีโอ (เช่นเดียวกับ TikTok แต่ในจีนจะเรียกว่า Douyin) ปัจจุบันมียอดผู้ใช้งาน (Daily Active User) 600 ล้านยูสเซอร์

"ดิจิลิ้งก์" จับมือ 2 App จีน เปิดทางธุรกิจไทย บุกแดนมังกร

โดยจุดแข็งจะเน้นการนำเสนอเรื่องของการเดินทาง การท่องเที่ยว ซื้อของหรือรีวิวจากการดูคลิปต่างๆ ด้วยกลยุทธ์ “WALK, RUN, FLY” เพื่อช่วยเพิ่มการรับรู้ (Awareness) ให้กับคนที่ดูวิดีโอมากขึ้นเป็นแนวทางในการสร้างคอนเทนต์ และการทำ Live-streaming

2. เสี่ยว หง ชู (XiaoHongShu) หรือ Red Little Book เป็น App ที่ได้รับความนิยมอย่างมากของชาวจีน ปัจจุบันมียอดผู้ใช้งาน (Daily Active User) มากกว่า 200 ล้านยูสเซอร์ และในเดือนสิงหาคม 2565 นี้จะมียอดดาวน์โหลดมากกว่า 500 ล้านดาวน์โหลดใน App Store และ Google Play ด้วยจุดเด่นเรื่องของการท่องเที่ยว

"ดิจิลิ้งก์" จับมือ 2 App จีน เปิดทางธุรกิจไทย บุกแดนมังกร

ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างสูงในจีน สำหรับ influencer ที่เป็น KOC จะมาแชร์กัน และแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว สิ่งของที่ต้องซื้อ การใช้ชีวิตแบบ Local การ planning การเที่ยว การรีวิวต่างๆ ซึ่งใน App นี้เอง และประเทศไทยเป็นหนึ่งในเดสติเนชั่นที่ชาวจีน นิยมมาท่องเที่ยว

“วันนี้ ดิจิลิ้งก์ ประเทศไทย เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวในไทยที่เป็น Official Partners ของ Douyin และ เป็น 1 ใน 4 พาร์ทเนอร์ทั่วโลก และดิจิลิ้งก์ ประเทศไทย ยังเป็น Official Partners ของ XiaoHongShu และ เป็น 1 ใน 8 พาร์ทเนอร์ทั่วโลก ในการนำเสนอสินค้าและบริการผ่านแอปพลิเคชั่นทั้ง 2 App ซึ่งจะเป็นโอกาสที่ผู้ประกอบการองค์กรขนาดใหญ่ และเอสเอ็มอีไทย เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคชาวจีนได้อย่างกว้างขวางในทุกระดับชั้น”

นางสาวพรรณอวิกา กล่าวอีกว่า ดิจิลิ้งก์ฯ จะเป็นเส้นทางลัดให้กับธุรกิจของไทยประสบความสำเร็จ โดยไม่ต้องเริ่มต้นจากศูนย์ หากสนใจขยายตลาดไปยังประเทศจีน ด้วยบริการด้านโซเชียล มีเดียครบวงจร จากทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญในการนำเสนอคอนเทนต์ที่เหมาะสม ผ่านแพลตฟอร์มที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย การเลือกใช้ KOL หรือ KOC ที่ทำให้แบรนด์ได้รับการยอมรับและสร้างยอดขายได้

"ดิจิลิ้งก์" จับมือ 2 App จีน เปิดทางธุรกิจไทย บุกแดนมังกร

สำหรับสินค้าและบริการของไทยที่มีศักยภาพ เป็นที่ต้องการของผู้บริโภคชาวจีน และสามารถเข้าไปทำตลาดบนโซเชียล มีเดียของจีนได้นั้น ได้แก่ ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวและบริการ (Tourist & Hospitality) อสังหาริมทรัพย์ (Real Estate) สินค้าอุปโภคบริโภค (FMCG : Fast Moving Consumer Goods) และ แฟชั่นและรีเทล (Fashion & Retail)

“โรดแมป 3 ปี ในปีนี้บริษัทจะมุ่งรุกตลาดจีนแบบ 100% โดยเน้นนำเสนอด้านการท่องเที่ยว 90% ที่เหลือเป็น อสังหาริมทรัพย์และอื่นๆ 10% ซึ่งจะสามารถสร้างรายได้ราว 200 ล้านบาท และปีหน้าจะเพิ่มสัดส่วนเป็น 30% ขณะเดียวกันตั้งเป้าหมายที่จะเติบโต 2-3 เท่าตัว ในปีถัดไป”

หน้า 15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 ฉบับที่ 3,903 วันที่ 9 - 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2566