โกลบอลลุ้นปี2566รายได้รวม แตะ 3,000ล้าน G

01 มี.ค. 2566 | 09:31 น.

โกลบอล คอนซูเมอร์ปรับเกมรุกอาหารแปรรูป บรรจุภัณฑ์ ลุยขยายพันธมิตรธุรกิจปั้นรายได้รวมปี 2566 แตะ 3,000 ล้านบาท

บมจ.โกลบอล คอนซูเมอร์ผู้นำการผลิตและจำหน่ายสินค้าอาหารแปรรูปแช่เยือกแข็งและบรรจุภัณฑ์ปรับเกมรุกผนึกความร่วมมือพันธมิตร

“ร้านสะดวกซื้อรายใหญ่” – “สถานีบริการน้ำมัน” Top 3 เมืองไทย ขยาย “ลูกชิ้นทิพย์” 2,000 สาขาทั่วประเทศ ปั้นรายได้รวมปี 2566 โตแตะ 3,000 ล้านบาท

นางเพ็ญศรี  สืบสุวงษ์ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โกลบอล คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ GLOCON  เปิดเผยว่า
ปี 2566 บริษัทฯปักธงรายได้รวมเติบโตแตะ 3,000 ล้านบาท พร้อมพลิกมีกำไร

จากการปรับเกมรุกเดินหน้าผนึกความร่วมมือพันธมิตร “ร้านสะดวกซื้อรายใหญ่” และ “สถานีบริการน้ำมัน” Top 3 ของเมืองไทย ขยายสาขา “ลูกชิ้นทิพย์” ทั่วประเทศ

ภายใต้คอนเซ็ป ลูกชิ้นหมูมาตรฐานระดับพรีเมี่ยม  ไม่มีส่วนผสมของแป้งสาลีและปราศจากสารบอแรกซ์ รองรับกระแสรักสุขภาพที่มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

 

 เบื้องต้นตั้งเป้าขยายเพิ่ม 2,000 สาขาภายในสิ้นปีนี้ แบ่งเป็น แบรนด์ตัวเอง (Own Brand) 20% และแฟรนไชส์ 80% จากปัจจุบันที่มีอยู่ราว 500 สาขา 

 

พร้อมเดินหน้าขยายตลาดกลุ่มอาหารแช่แข็ง (Frozen Food) ภายใต้ “เอ็นพีพี ฟู้ด เซอร์วิส” หรือ NPPFS เต็มรูปแบบ ซึ่งโรงงานแห่งใหม่ผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากลเรียบร้อยแล้ว พร้อมรองรับการเติบโตได้อีกกว่า 2 เท่าตัว 

 

 ขณะที่กลุ่มผลไม้อบแห้ง ( Dried Fruits) เตรียมปั้นแบรนด์ พร้อมขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เน้นสร้างมูลค่าเพิ่ม (High Value Added) รุกตลาดทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งล่าสุดมี Backlog Order ในมือแล้วกว่า 500 ล้านบาท 

 

อย่างไรก็ตาม แม้ในปี 2565 บริษัทฯจะประสบปัญหาจากการย้ายโรงงานแห่งใหม่ แต่ภาพรวมรายได้ยังคงเติบโตกว่า  19.6% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน แตะ 2,228 ล้านบาท เนื่องจากทีมบริหารได้เห็นปัญหา 

 

และเข้าไปดำเนินการแก้ไขอย่างมืออาชีพ  มีการควบคุมกระบวนการภายในให้มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้ 

ทั้งนี้ ปัจจุบัน บมจ.โกลบอล คอนซูเมอร์ แบ่งธุรกิจเป็น 3 กลุ่มหลัก ประกอบด้วย

1.ธุรกิจอาหาร ประกอบด้วย อาหารแปรรูปแช่แข็ง, อาหารกึ่งสำเร็จรูปพร้อมทาน, ลูกชิ้นและไส้กรอกหมู และผลไม้อบแห้ง สัดส่วน 73%

2.ธุรกิจผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติกประเภทต่างๆ สัดส่วน 24% และ 3.ธุรกิจเทรดดิ้ง สัดส่วน 3% ของรายได้รวม