"แพทองธาร" นั่งนายกฯ นำทัพครม.ใหม่ ภาพลักษณ์รัฐบาลดี มีทิศทางชัดเจน

17 ส.ค. 2567 | 04:14 น.
อัปเดตล่าสุด :17 ส.ค. 2567 | 04:15 น.

มั่นใจพรรคร่วมประสานเสียงเลือก "แพทองธาร ชินวัตร" นายกฯใหม่ ส่งผลภาพลักษณ์รัฐบาลเข้มแข็งและมีทิศทางที่ชัดเจน แนะทำงานเชิงรุก เพิ่มศักยภาพไทยให้แข่งขันในเวทีโลกได้ ย้ำใครนั่งหัวหน้าทีมเศรษฐกิจก็ได้ ขอเพียงขับเคลื่อนประเทศได้

นายสุภัค หมื่นนิกร ผู้ก่อตั้งสถาบันธุรกิจแฟรนไชส์อาหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีซี่ส์ อินเตอร์เนชั่นแนล แฟรนไชส์ จำกัด ผู้บริหารร้านแฮมเบอร์เกอร์ “Siam Steak” และไส้กรอกพรีเมี่ยม “อีซี่ส์” ให้สัมภาษณ์กับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า 

การที่ “แพทองธาร ชินวัตร” ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของประเทศไทย ทำให้ประชาชนรู้สึกสบายใจมากขึ้นในเรื่องของนโยบายที่จะออกมาในอนาคต เนื่องจากเชื่อว่านโยบายเหล่านั้นจะสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนและสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้อย่างตรงจุด

นายสุภัค หมื่นนิกร

นอกจากนี้การที่พรรคร่วมรัฐบาลมีความเห็นชอบอย่างยิ่งต่อการแต่งตั้ง ก็เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความพร้อมในการทำงานร่วมกันและสร้างความมั่นคงให้กับรัฐบาล ทำให้เกิดภาพลักษณ์ของรัฐบาลที่เข้มแข็งและมีทิศทางที่ชัดเจน ซึ่งจะส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและความมั่นคงของประเทศในระยะยาว

โดย แพทองธาร ชินวัตร ถือว่ามีประสบการณ์และความรู้ความสามารถด้านการบริหารจัดการซึ่งสะสมมาจากการทำงานและการศึกษาเล่าเรียน รวมถึงการได้ใกล้ชิดกับการทำงานของนักการเมืองรุ่นก่อนๆ อย่างคุณทักษิณ ชินวัตร ประสบการณ์เหล่านี้ทำให้ประชาชนมีความมั่นใจว่าจะสามารถบริหารประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับ "คณะรัฐมนตรีชุดใหม่" อยากเห็นการทำงานเชิงรุกและทันสมัยเพื่อให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันในเวทีโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในยุคดิจิทัลที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว

"แพทองธาร" นั่งนายกฯ นำทัพครม.ใหม่ ภาพลักษณ์รัฐบาลดี มีทิศทางชัดเจน

ประเทศไทยจำเป็นต้องปรับตัวให้ทันต่อสถานการณ์โลก และมีนโยบายที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดโลก ซึ่งสภาวะเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทยในปัจจุบัน ต้องการให้คณะรัฐมนตรีชุดใหม่มีบทบาทในการสร้างขวัญและกำลังใจให้กับประชาชน เพื่อให้ประเทศไทยสามารถฟื้นตัวและก้าวข้ามผ่านวิกฤตต่างๆ ไปได้

ที่สำคัญต้องการเห็นคณะรัฐมนตรีชุดใหม่มีวิสัยทัศน์ในการพัฒนาประเทศ และกล้าที่จะตัดสินใจดำเนินนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติในระยะยาว เพื่อให้ประเทศไทยมีความมั่นคงและสามารถพัฒนาต่อไปได้อย่างยั่งยืน

นายสุภัค กล่าวว่า ไม่สำคัญว่าใครจะเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ แต่สิ่งสำคัญคือการมีนโยบายที่ชัดเจนและตอบโจทย์ความต้องการของประเทศ โดยเฉพาะในประเด็นต่อไปนี้

  • ทรัพย์สินทางปัญญา: เห็นว่าควรมีการผลักดันนโยบายที่ส่งเสริมและคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศไทยมากขึ้น เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการไทย และส่งเสริมการแข่งขันในตลาดโลก
  • ภาคการเกษตร: เน้นย้ำถึงศักยภาพของภาคการเกษตรไทย โดยเฉพาะผลไม้ ข้าว ชา และกาแฟ ซึ่งมีชื่อเสียงในระดับโลก เห็นว่าควรมีการสนับสนุนด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อยกระดับคุณภาพและสร้างนวัตกรรม ในผลิตภัณฑ์การเกษตร
  • เศรษฐกิจฐานราก: มองว่าปัจจุบันผู้ประกอบการรายย่อยหรือกลุ่มเศรษฐกิจฐานรากกำลังเผชิญกับปัญหาหลายประการ เช่น ขาดแคลนความรู้และงบประมาณ จึงเสนอให้รัฐบาลมีนโยบายที่สนับสนุนและส่งเสริมกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อยเหล่านี้ให้มากขึ้น
  • การค้าระหว่างประเทศ: เห็นว่าประเทศไทยควรมีมาตรการในการปกป้องการค้าระหว่างประเทศให้มีความเป็นธรรมมากขึ้น เพื่อป้องกันผลกระทบจากการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมจากต่างประเทศ