แสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เปิดเผยว่า สิ่งที่ผู้ประกอบการคาดหวังจากรัฐบาลในการส่งเสริม สนับสนุน สร้างการมีส่วนร่วมและมีเป้าหมายตัวชี้วัดชัดเจนคำนึงถึงผลกระทบอย่างรอบด้านและพัฒนากำลังคนที่สมรรถนะสูงทั้งแรงงานและผู้ประกบการแบบคู่ขนาน โดยมีข้อเสนอ ประกอบด้วย
- แผนผการพัฒนากำลังคนและผู้ประกอบการ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้มีผลิตภาพแรงงานและผู้ประกอบการที่มีศักยภาพ ส่งเสริมการจ้างงานที่เป็นธรรมอย่างยั่งยืน มีแผนที่นำทางในการส่งเสริม สนับสนุนเชื่อมต่อระหว่างหน่วยงานอย่างเป็นระบบในการส่งต่อที่คำนึงถึงผลลัพธ์ที่มีตัวชี้วัดร่วมกันของภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคประชาสังคม ให้โอกาสทุกกลุ่ม ทุกระดับภาคเศรษฐกิจมีส่วนร่วม มีช่องทางการเข้าถึงกลไกการพัฒนาทุนมนุษย์และเพิ่มโอกาสให้กลุ่มเปราะบางมากขึ้น
- กลไกการส่งเสริม เข้าถึงการเพิ่มผลิตภาพแรงงานและผู้ประกอบการเอสเอ็มอีอย่างต่อเนื่องเป็นระบบ (SME-Workforce Credit Scoring) โดยเชื่อมโยงส่งต่อระหว่างหน่วยงานเพิ่มมากขึ้น เพื่อเพิ่มผลิตภาพคู่ขนานและ ส่งเสริมการมีรายได้เพิ่มจากการส่งต่อทั้งด้านนวัตกรรม เทคโนโลยี มาตรฐาน การสร้างแบรนด์ ตลาดสมัยใหม่ ที่ปรึกษาการวางแผนธุรกิจ เป็นต้น รวมทั้งการพัฒนาบ่มเพาะจัดระบบ Credit scoring แรงงานเพื่อการจับคู่ จ้างงานที่เป็นธรรม มาตรการจับคู่งาน พัฒนางานเพิ่มมูลค่าให้กับแรงงาน มาตรา 40 (รับงานไปทำที่บ้านและอาชีพอิสระ) และจัดระบบสวัสดิการจูงใจเอสเอ็มอี และแรงงานเข้าระบบเพิ่มขึ้น ประเทศไทยมีแรงงานในและนอกระบบรวมประมาณ 57% ของประชากรไทย และมีการศึกษาระดับประถมศึกษาและต่ำกว่ารวมถึงราว 16 ล้านคน หรือ 42% ของแรงงานทั้งหมด ทั้งนี้ควรจัดงบประมาณที่เพียงพอส่งเสริม Up skills – Re skills โดยใช้ระบบ BDS สสว. ร่วมกับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กรมพัฒนาฝีมือแรงงานและสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ รวมทั้งกลไกรัฐแต่ละหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสนับสนุนการปรับเปลี่ยนธุรกิจสีเขียว แรงงานที่มีคุณค่ารองรับการเปลี่ยนแปลง และมีทักษะ สมรรถนะ ขีดความสามารถตรงตามความต้องการของผู้ประกอบการ ซึ่งอาจนำต้นทุนการเพิ่มขึ้นของการเพิ่มค่าจ้างงานมารับสิทธิประโยชน์ 2 เท่าในการฝึกอบรมตามความต้องการของนายจ้างเพื่อยกระดับขีดความสามารถ ทักษะ สมรรถนะแรงงานในกิจการได้ด้วย เป็นต้น
- มาตรการลดต้นทุนและค่าครองชีพแรงงานและผู้ประกอบการเศรษฐกิจฐานราก เพราะปัญหา คือ แรงงานประมาณ 50% อยู่นอกระบบ อีกทั้งการสร้างกลไกที่จะจูงใจให้เอสเอ็มอีและแรงงานนอกระบบเข้าระบบโดยให้สิทธิประโยชน์ลดค่าครองชีพ โดยลดราคาสินค้า บริการที่จำเป็นในการดำรงชีวิตและประกอบธุรกิจ ส่งเสริมสินค้า บริการในท้องถิ่นหรือจังหวัดที่เข้าร่วมมาตรการ โดยให้ผู้ประกันตน ม 33 ม 39 และ ม 40 ได้ใช้ประโยชน์ร่วมกันกับผู้ประกอบการที่ส่งเงินสมทบในระบบประกันสังคม เพื่อลดต้นทุนและค่าครองชีพ นอกจากนั้นการปรับโครงสร้างต้นทุนพลังงานไฟฟ้าและน้ำมันที่เป็นปัจจัยการผลิตและค่าครองชีพที่สำคัญให้แก่แรงงานและเอสเอ็มอีจะช่วยบรรเทาผลกระทบและให้ความเป็นธรรมกับต้นทุนพลังงานที่สะท้อนความเป็นจริงอย่างมีธรรมาภิบาล เปิดเผย โปร่งใส ตรวจสอบได้
- มาตรการทางการเงิน และดอกเบี้ย อาทิ กองทุนประกันสังคม กองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ กองทุน สสว. กองทุนเพิ่มขีดความสามารถ (BOI) บสย. และหน่วยงานอื่นๆ เพื่อส่งเสริมธุรกิจที่มีการจ้างงานที่เป็นธรรมและให้สวัสดิการที่ดี ด้วยการให้สินเชื่อและดอกเบี้ยที่มีต้นทุนทางการเงินต่ำ ช่วยในการปรับเปลี่ยนธุรกิจให้ทันสมัย พัฒนานวัตกรรมสินค้า บริการ และ/หรือ เพิ่มสภาพคล่องกิจการ หากพิจารณาการสำรวจของ สสว. ของสัดส่วนที่มาของแหล่งทุนของเอสเอ็มอีพบว่าธนาคารรัฐ 33% ธนาคารเฉพาะกิจ 6% รวม 39% ธนาคารพาณิชย์ 14% และนอกระบบ 36% จะต้องมีการปรับโครงสร้างแหล่งทุนให้แหล่งทุนของธนาคารัฐและธนาคารเฉพาะกิจเพิ่มการเข้าถึงและการพัฒนาควบคู่กันไปด้วย
ประเทศสิงคโปร์ เป็นต้นแบบที่ดีในการถอดบทเรียนการพัฒนากำลังคนทุกช่วงวัยที่รัฐให้การสนับสนุนให้ความสำคัญที่จะเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลกมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ การส่งเสริมพัฒนาทักษะสร้างสรรค์ในแต่ละระดับการศึกษา นโยบายพัฒนากำลังคนอนาคต Skills Future Singapore ที่ดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2558 วัยแรงงานอายุ 25 ปีขึ้นไปจนถึงระดับบริหารในช่วงวัยทำงานอายุ 40-60 ปี เป็นต้น
หรือ ประเทศญี่ปุ่นที่ดำเนินนโยบาย Cool Japan สร้างแบรนด์สินค้าและบริการของอุตสาหกรรมสร้างสรรค์รวมทั้งแบรนด์ประเทศญี่ปุ่น งบประมาณการสนับสนุนเอสเอ็มอีในการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งยกระดับแรงงานสร้างสรรค์ในประเทศร่วมด้วย
"ประเทศไทยภาคแรงงานและผู้ประกอบการเอสเอ็มอีต่างเป็นคนหัวอกเดียวกัน และจากสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันเอสเอ็มอีอยู่ยาก แรงงานอยู่ลำบาก มาตรการให้การส่งเสริม สนับสนุนอย่างเร่งด่วน จริงจังและต่อเนื่องแบบคู่ขนานทั้งแรงงานและเอสเอ็มอีต้องไม่ทำแบบไฟไหม้ฟาง”