"Food Truck Fair" 5 วัน ดันยอด 4.85 ล้าน นักท่องเที่ยวไทย-ต่างชาติ แห่อุดหนุน

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า “งาน Food Truck Fair ที่จัดขึ้นโดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานพันธมิตร ณ ริเวอร์พาร์ค ไอคอนสยาม ระหว่างวันที่ 26 - 30 มิถุนายน ที่ผ่านมา ภาพรวมการจัดงานได้รับการต้อนรับจากนักชิมทั้งชาวไทยและต่างชาติเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ให้ความสนใจต่อคิวซื้ออาหาร เครื่องดื่ม ขนม ภายในงานอย่างคึกคัก นอกจากความอร่อยที่ได้รับแล้ว บรรยากาศ สถานที่ และรูปแบบการจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มยังดึงดูดผู้บริโภคให้อุดหนุนสินค้าอย่างต่อเนื่อง 

โดยเฉพาะช่วงเย็น-ค่ำ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาชอปปิ้งที่ไอคอนสยาม บรรยากาศการจัดงานจึงเต็มไปด้วย การจัดงาน กรมฯ ได้รวบรวมยอดจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่ม ของผู้ประกอบการที่เข้าร่วมงาน พบว่า การจัดงาน 5 วัน สามารถสร้างยอดขายสูงถึง 4.85 ล้านบาท โดยเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ที่มียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ทะลุ 1.2 ล้านบาทต่อวัน แต่ละวันจะมีผู้ประกอบการฟู้ดทรัคมาจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม 35 ร้านค้า 

โดยร้านฟู้ดทรัคที่ขายดีที่สุด 5 อันดับแรก คือ 

• ร้าน Panda café (เครื่องดื่มผสมโซดา)
• ร้านกล้วยเถอะคับ กล้วยปิ้ง 
• ร้านยำเยอะจัง (อาหารประเภทยำ) 
• ร้านไก่ทอดราชาหาดใหญ่ 
• ร้าน Tasty Twister (ไอศกรีม) 

ทั้งนี้ มีนักชิมชาวต่างชาติถึง 70% ได้แก่ จีน 

• อินเดีย
• เกาหลีใต้
• มาเลเซีย
• ฟิลิปปินส์ 
• รัสเซีย 
• ฮ่องกง
• ญี่ปุ่น 

ขณะที่นักชิมชาวไทย 30% ส่วนใหญ่เป็นพนักงานออฟฟิศ ผู้ที่มาจับจ่ายใช้สอยที่ไอคอนสยาม นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไป 

นอกจากนี้ สถาบันการเงินที่เข้าร่วมงาน ได้แก่ ธ.กรุงไทย ธ.กรุงศรีอยุธยา ธ.กสิกรไทย ธ.ไทยพาณิชย์ ธ.ทหารไทยธนชาต ธ.ยูโอบี และ ธ.ออมสิน ได้เปิดบูธให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการขอสินเชื่อ การจัดทำแผนธุรกิจประกอบการขอสินเชื่อ และแนะนำให้ผู้ประกอบการฟู้ดทรัคนำกิจการมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจ ซึ่งช่วยให้เอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งทุนได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น โดยตลอดการจัดงาน 5 วัน มีผู้ประกอบธุรกิจและผู้สนใจขอรับคำปรึกษาจำนวน 559 ราย เฉลี่ยวันละประมาณ 111 ราย โดยส่วนหนึ่งได้ต่อยอดขอสินเชื่อเพื่อขยายกิจการในอัตราดอกเบี้ยพิเศษ ขณะนี้อยู่ระหว่างการลงรายละเอียดและขั้นตอนของการทำสัญญา   

อธิบดีอรมน กล่าวต่อว่า ผู้ประกอบการฟู้ดทรัคที่มาร่วมออกงาน ได้ขอบคุณกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ไอคอนสยาม หน่วยงานพันธมิตรที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนที่สนับสนุนและเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการฟู้ดทรัคได้มีพื้นที่จำหน่ายสินค้าเพิ่มขึ้น ถือเป็นการเปิดโลกทัศน์ใหม่ๆ ให้ได้เห็นตลาดและพฤติกรรมการบริโภคที่มีความหลากหลาย พร้อมนำความชื่นชอบในรสชาติและรูปแบบการนำเสนออาหาร/เครื่องดื่มมาปรับปรุงให้ตรงตามความต้องการของลูกค้า เป็นการพัฒนาสินค้าที่มีความสำคัญมาก ช่วยขยายตลาดและกลุ่มลูกค้าที่มีประสิทธิภาพ

โดยตลอดการจัดงานทั้ง 5 วัน ผู้ประกอบการสามารถสร้างรายได้ที่เห็นเป็นรูปธรรมชัดเจน ได้พบปะลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ชื่นชอบการทานอาหารและเครื่องดื่มสไตล์ฟู้ดทรัคและสตรีทฟู้ด ดูจากการที่นักท่องเที่ยวต่างชาติต่อคิวซื้ออาหารและเครื่องดื่มอย่างคึกคัก และทราบว่ามีลูกค้าชาวไทยได้เจรจาว่าจ้างรถฟู้ดทรัคที่จำหน่ายอาหารภายในงานฯ ไปจัดงานตามสถานที่ต่างๆ ด้วย นับเป็นโอกาสที่ดีมากๆ สำหรับผู้ประกอบการฟู้ดทรัคของไทย 

อย่างไรก็ดี กรมฯ เตรียมจัด "ฟู้ดทรัคออนทัวร์" ไปตามสถานที่ต่างๆ ทั้งกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด ในบริเวณที่มีนักท่องเที่ยวหรือผู้คนจำนวนมาก เพื่อให้ผู้ประกอบการฟู้ดทรัคได้ทดลองตลาดใหม่ๆ ขณะเดียวกัน เป็นการดึงดูดและเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวต่างชาติบริโภคอาหาร/เครื่องดื่มในรูปแบบที่ไม่ซ้ำใคร เพิ่มกิมมิคการเดินทางเข้าประเทศ โดยมีฟู้ดทรัคเป็นจุดหมายปลายทางประเภทหนึ่ง ช่วยเพิ่มมูลค่าและจุดขายสำคัญที่สร้างการรับรู้ต่ออาหารและเครื่องดื่มของไทย ส่งผลต่ออิทธิพลทางความคิดที่โน้มน้าวให้เกิดความสนใจใคร่รู้ อยากสัมผัส และทดลอง เป็นการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวของไทยโดยตรง ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการฟู้ดทรัคส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอีขนาดเล็ก กิจกรรมที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าจัดขึ้นถือเป็นการสร้างโอกาสและขยายตลาดให้ SME ที่ประกอบอาชีพขายอาหารและเครื่องดื่มบนฟู้ดทรัคที่เคลื่อนที่ได้ แทนการเปิดร้านอาหารซึ่งเคลื่อนย้ายไม่ได้ ได้มีโอกาสไปจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มตามสถานที่ต่างๆ ได้ศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภค ต่อยอดสู่การพัฒนาอาหาร/เครื่องดื่มให้ถูกใจนักชิม รวมทั้งยังสามารถกำหนดจุดจำหน่ายอาหาร/เครื่องดื่มที่มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นเป้าประสงค์หลักของกรมฯ ที่ต้องการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการมีช่องทางการตลาดที่หลากหลาย เข้าถึงผู้บริโภคได้ทุกกลุ่ม ซึ่งช่วยเพิ่มยอดขาย และสร้างความเข้มแข็งให้ผู้ประกอบการ SME ระยะยาว”