“จุลพันธ์” พร้อมทบทวนโครงสร้างภาษีบุหรี่ ถก “สรรพสามิต” พรุ่งนี้

29 พ.ค. 2567 | 09:29 น.
อัปเดตล่าสุด :29 พ.ค. 2567 | 09:30 น.

“จุลพันธ์” รมช.คลัง รับหนังสือ ร้องเรียนความเดือนร้อนเกษตรกรใบยาสูบ พร้อมทบทวนโครงสร้างภาษีบุหรี่ ถก “สรรพสามิต” พรุ่งนี้ เตรียมผลิตหัวเชื้อบุหรี่ไฟฟ้า ส่งออกต่างประเทศ

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า สมาคมการค้ายาสูบไทย ภาคีเครือข่ายชาวไร่ยาสูบแห่งประเทศไทย และสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจยาสูบ การยาสูบแห่งประเทศไทย ได้ยื่นหนังสือเรื่องความเดือนร้อนของอุตสาหกรรมยาสูบถูกกฎหมายตลอดห่วงโซ่อุปทาน เนื่องจากการบริโภคบุหรี่ในประเทศนั้นลดลง และมีความกังวลเกี่ยวกับปัญหาการค้าบุหรี่ผิดกฎหมายในประเทศไทยที่มากขึ้น

ทั้งนี้ สิ่งแรกที่ต้องทำคือการป้องกันปัญหาการลักลอบนำเข้าบุหรี่ผิดกฎหมายในส่วนของกรมศุลกากร และการเข้มงวดในการปราบปรามการค้าบุหรี่ผิดกฎหมาย นอกจากนี้ ยังพูดคุยกันในการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสมิตบุหรี่ ซึ่งก็รับโจทย์แล้ว แต่ก็ขอเวลาทำ เพราะว่าต้องมีการพูดคุยในหลายมิติ ทั้งภาษีสรรพสามิต รวมทั้งเรื่องที่ว่าหากปรับภาษีและราคาบุหรี่ลดลงมากไป ก็จะกระทบกับเรื่องโอกาสที่จะมีคนสูบหน้าใหม่มากขึ้น รวมถึงผลกระทบต่อทางสาธารณสุข  

อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 30 พ.ค.นี้ ตนในฐานนะรมช.คลัง ที่กำกับกรมสรรพสามิต จะเดินทางไปมอบนโยบาย และหารือในประเด็นการทบทวนปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่ด้วย

“บุหรี่ที่บริโภคกันในไทย 50%นั้นมาจากการนำเข้า ส่วนอีก 50% มาจากการผลิตในประเทศ และบุหรี่ที่ผลิตในไทยนั้นอยู่ในระดับราคาที่ต่ำกว่า 72 บาททั้งหมด ซึ่งเสียภาษี 25% ดังนั้นถ้าจะทบทวนโครงสร้างภาษีต้องเป็นประโยชน์ต่อสินค้าที่ผลิตในประเทศ”

อย่างไรก็ดี ยังมีสิ่งอื่นที่ทำได้อีก อาทิ การแก้กฎหมายเพื่อให้ของการยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) รับจ้างผลิตบุหรี่และขายในประเทศไทย จากเดิมที่รับจ้างเพื่อส่งออกเท่านั้น ขณะเดียวกัน ยังมีแนวคิดศึกษาการผลิตหัวเชื้อบุหรี่ไฟฟ้าส่งออกต่างประเทศ แม้เรื่องบุหรี่ไฟฟ้าจะยังเป็นสินค้าต้องห้าม แต่ใบยาสูบก็สามารถนำไปผลิตเป็นไส้ ซึ่งเป็นการช่วยซื้อใบยาจากเกษตรกรอีกทางหนึ่ง โดยส่วนนี้ไม่ต้องมีการแก้กฎหมายก็ดำเนินการได้

นอกจากนี้ ทางกลุ่มเกษตรกรยาสูบ ถามถึงเรื่องเงินโครงการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้เพาะปลูกต้นยาสูบและผู้บ่มอิสระที่ได้รับผลกระทบจากการลดปริมาณการรับซื้อใบยาสูบของการยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) โดยปี 2567นี้ ขอที่ 80 ล้านบาท ซึ่งต้องไปดูว่าจะใช้เงินงบประมาณจากส่วนใด เพราะปีก่อนหน้านี้ใช้งบกลาง