"กมธ.อุตสาหกรรม" ตามความคืบหน้าย้ายกาดแคดเมียม สนับสนุนรัฐเร่งออกใบรง.4

15 พ.ค. 2567 | 03:48 น.
อัปเดตล่าสุด :15 พ.ค. 2567 | 03:59 น.

"กมธ.อุตสาหกรรม"ประชุม ติดตามคืบหน้าขนย้ายกากแคดเมียม-ไฟไหม้โรงงานมาบตาพุด-พระนครศรีอยุธยา พร้อมหนุนรัฐบาลเร่งออกใบรง.4

 นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ประธานคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร กล่าวก่อนการประชุมคณะกรรมาธิการว่าได้เชิญปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กรมโรงงานอุตสาหกรรม กรมเมืองแร่ และกรมควบคุมมลพิษ และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมหารือเกี่ยวกับการดำเนินคดีกับผู้ที่ละเมิดกฎหมายทั้งในส่วนของเจ้าหน้าที่ของรัฐและผู้ประกอบการถึงความคืบหน้าในการขนย้ายกากแคดเมียม ว่า ในวันนี้จะเป็นการติดตามว่ามีการขนย้ายกากแคดเมียมแล้วเสร็จไปแล้วกี่ตัน  โดยเบื้องต้นทราบว่าทางกรุงเทพมหานครขนย้ายเสร็จแล้ว ส่วนจังหวัดสมุทรสาคร และ จังหวัดชลบุรีจะได้ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมเข้าชี้แจงในส่วนนี้  

  

สำหรับเรื่องใบอนุญาตโรงงานที่ยังค้างการพิจารณาอยู่หลาย 100 รายนั้น โดยต้องเร่งออกใบอนุญาตตามคำสั่งของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีนั้น นายอัครเดช กล่าวว่า ในส่วนนี้ต้องรอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจงถึงปัญหาในการออกใบอนุญาตโรงงานโดยเบื้องต้นพบว่าเอกสารไม่ครบถ้วน และมีการส่งกลับไปให้ทางอุตสาหกรรมจังหวัดรวบรวมเอกสารเพิ่ม คาดว่าขณะนี้จะส่งกลับมาที่กรมแล้ว ซึ่งเมื่อเอกสารครบแล้วก็จะสามารถอนุญาตออกใบรง.4 ได้ ในส่วนของคณะกรรมาธิการได้ให้ข้อสังเกตไปว่าการออกอนุญาตตามที่นายกรัฐมนตรีเร่งรัดนั้นเป็นเรื่องที่มีความจำเป็นเพราะประเทศต้องตอบรับการลงทุนจากนักลงทุน ดังนั้นใบอนุญาตออกช้าย่อมส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการลงทุน ที่นายกรัฐมนตรีสั่งจึงเป็นสิ่งที่ถูกต้อง

    นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์

นอกจากนั้นคณะกรรมาธิการมองว่านอกจากออกใบอนุญาตแล้วต้องมีการกำกับให้เป็นไปตามกฏหมายและปฏิบัติตามระเบียบเป็นสิ่งที่สำคัญ ไม่ใช่เมื่อได้ใบอนุญาตแล้วขาดการกำกับดูแลจะทำให้ผู้ประกอบการละเมิดกฎหมายส่งผลกระทบต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อม

 

ส่วนกรณีไฟไหม้โรงงานหลายแห่งที่สามารถบ่งชี้ว่ามาจากการวางเพลิง หรือ อาจเป็นอุบัติเหตุนั้น นายอัครเดช กล่าวว่า ต้องแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือส่วนที่เกิดจากอุบัติเหตุนั้นเกิดจากการที่ภาวะอากาศร้อนจัดเมื่อมีความร้อนเกิดขึ้นอาจเกิดอุบัติเหตุได้บ่อยครั้งเป็นสิ่งที่ป้องกันไม่ได้ แต่สิ่งที่สำคัญคือการควบคุมเพลิงต้องรวดเร็ว ในวันนี้ทางคณะกรรมธิการจึงได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวกับการควบคุมเพลิง เช่น ของ ปภ. เข้าชี้แจงว่าเวลาเกิดเพลิงไหม้มีแผนในการเผชิญเหตุและการควบคุมเพลิงเป็นไปอย่างไร เพื่อดูความพร้อมในการควบคุมเพลิง

 

สำหรับประเด็นการวางเพลิงเพื่อเผาทำลายหลักฐานนั้นเช่นกรณีที่จังหวัดระยอง และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นสิ่งที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมได้ให้สัมภาษณ์ไปแล้วว่าจะต้องเร่งรัดดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำความผิดให้ได้ ทางกรรมาธิการสนับสนุนแนวคิดของรัฐมนตรี โดยกระบวนการติดตามผู้กระทำความผิดทั้งการสืบสวนและสอบสวน เป็นสิ่งที่ต้องเร่งดำเนินการ

 

โดยถึงเวลาจำเป็นแล้วหรือไม่ที่จำเป็นจะต้องพัฒนาแอพพลิเคชั่นในการแจ้งเตือนประชาชน นายอัครเดชกล่าวว่า ในส่วนของการเกิดเหตุเพลิงไหม้ไม่ว่าจะในกรณีของการวางเพลิง หรืออุบัติเหตุสิ่งสำคัญที่สุดคือแผนเผชิญเหตุ การสื่อสารจากภาครัฐไปยังประชาชนเป็นสิ่งสำคัญจะต้องมีการสอบข้อเท็จจริงและได้รับข้อสังเกตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการประชุมครั้งนี้ด้วย