เศรษฐกิจจีน Q1/67 ฟื้นตัวดีเกินคาด 5.3% จากอุตสาหกรรม Hi-Tech

18 เม.ย. 2567 | 13:12 น.

ภาวะเศรษฐกิจจีน Q1/67 แม้โตสูงกว่าคาดที่ 5.3% หลังได้แรงหนุนจากอุตฯ Hi-Tech  แต่ในไตรมาสที่เหลือของปี 2567 คาดโตได้ไม่เกิน 4.5% เนื่องจากฐานที่สูงในปีก่อน คาดการณ์ทั้งปีเติบโตที่ 4.5%

ฐานเศรษฐกิจ ตรวจสอบรายงานของ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย พบกว่า มีการรายงานเศรษฐกิจจีนในไตรมาส 1/67 เติบโตอยู่ที่ 5.3% YoY โดยสูงกว่า consensus ที่ 4.6% และสูงขึ้นจากไตรมาส 4/66 ที่ 5.2%YoY ซึ่งได้รับปัจจัยหนุนสำคัญจาก ภาคการผลิต (Secondary industry) ที่ขยายตัว 6.0% YoY ขณะที่ภาค บริการเติบโตได้อยู่ที่ 5.0%YoY โดยมีรายละเอียด ดังนี้

  • อุตสาหกรรม High-tech ปัจจัยกดดันสาคัญยังมาจากภาคอสังหาริมทรัพย์ แต่อุตสาหกรรม High-tech เป็นปัจจัยบวกของเศรษฐกิจจีน ขยายตัวอยู่ที่ 7.5%YoY (เครื่องชาร์จ รถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้นถึง 41.7%YoY) นอกจากนี้ การลงทุนใน อุตสาหกรรมประเภท High-tech เติบโตอยู่ที่ 11.4%YoY จาก 10.3% ในปี 2566 อย่างไรก็ตาม การลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ ยังปรับลดลงที่ -9.5%YoY จาก -9.6%YoY ในปี 2566
  • ภาคการส่งออกฟื้นตัวอย่างจำกัดในไตรมาส 1/67 การส่งออก เติบโตที่ 1.5% YoY (สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ) จาก -4.6% ในปี 2566 อย่างไรก็ตาม ในเดือนมี.ค.67 ตัวเลขการส่งออกหดตัวที่ -7.5 %YoY จากปัจจัยฐานที่สูงในปีก่อน ปัจจัยด้านราคาในบางกลุ่ม สินค้า เช่น ส่วนประกอบรถยนต์ รวมถึงการส่งออกไปรัสเซียที่ชะลอ ตัวลงอย่างมาก
  • ด้านการใช้จ่ายภายในประเทศเติบโตชะลอลงจากปีก่อน โดยตัวเลขยอด ค้าปลีกไตรมาสแรกเติบโตชะลอลงอยู่ที่ 4.7%YoY จากการใช้จ่าย เกี่ยวกับสินค้าขยายตัวอยู่ที่ 4.0%YoY ขณะที่การใช้จ่ายที่เกี่ยวกับ ธุรกิจอาหาร (Income of catering) ยังเป็นตัวหนุนยอดค้าปลีกโดย เติบโตที่ 10.8%YoY

เศรษฐกิจจีน Q1/67 ฟื้นตัวดีเกินคาด 5.3% จากอุตสาหกรรม Hi-Tech  

ในปี 2567 การใช้จ่ายภายในประเทศโดยเฉพาะภาคบริการและการลงทุนในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี รวมถึงการผ่อนคลายมาตรการทาง การเงินเพิ่มเติมและมาตรการการคลังเฉพาะจุดจะเป็นปัจจัยหนุนสาคัญของ เศรษฐกิจจีน อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจจีนยังเผชิญความเสี่ยงสาคัญหลาย ประการ ได้แก่

1.ความเชื่อมั่นผู้บริโภคและภาคธุรกิจที่ยังอยู่ในระดับต่ำกว่าก่อนเกิดโควิด-19 โดยเดือน ก.พ. 67 ดัชนีความเช่ือมั่นผู้บริโภคอยู่ท่ี 89.1 จะส่งผลให้การ ฟื้นตัวของการใช้จ่ายในประเทศโดยเฉพาะสินค้าคงทนและการลงทุนฟื้นตัวได้จำกัด ในขณะที่มาตรการผ่อนคลายนโยบายการเงินมีผลต่อ เศรษฐกิจลดลง 

โดยระดับการปรับลดสัดส่วนการกันสารองของธนาคาร พาณิชย์ (RRR) สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือน ก.พ. 67 ที่ 0.5% จาก ระดับ 10.5% มาอยู่ที่ 10.0% แต่การเติบโตของสินเชื่อกลับมีแนวโน้ม ชะลอตัวลง โดยการเติบโตของสินเชื่อในเดือนก.พ.67 เติบโตลดลงจาก เดือนก่อนท่ี 10.1% จาก 10.4% ใน ม.ค. 67 ทั้งนี้คาดว่าจีนยังมีแนวโน้ม ปรับลด RRR และอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปี 67

เศรษฐกิจจีน Q1/67 ฟื้นตัวดีเกินคาด 5.3% จากอุตสาหกรรม Hi-Tech

2.แรงกดดันจากภาคอสังหาริมทรัพย์ยังคงมีอยู่ โดยมาตรการชว่ยเหลือที่ออกมาอย่างต่อเนื่องยังไม่สามารถฟื้นสถานการณ์ผู้ซื้อบ้าน (อุปสงค์) และบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (อุปทาน) ได้

  • ปัญหาหลักอย่างความเชื่อมั่นที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข ส่งผลให้ยอดขายบ้านจีนยังมีแนวโน้มปรับลดลง ตั้งแต่ต้นปี 2567 ทางการจีนจะมีการ ผ่อนคลายมาตรการซื้อบ้านผ่านทั้งการปรับลดเงินดาวน์ และปรับลดอัตราดอกเบี้ย LPR 5 ปี แต่ยอดขายบ้านของบริษัทพัฒนา อสังหาริมทรัพย์ 100 แห่งยังปรับลดลง โดยในไตรมาส 1/67 ลดลงอยู่ ที่ -48.0%YoY
  • บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จะยังเผชิญแรงกดดันด้านสภาพคล่อง และอาจเห็นการผิดนัดชำระหนี้จากฝั่งบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ตามมาอีก การอนุมัติเงินกู้สำหรับโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับการ คัดเลือกให้อยู่ในมาตรการ white-list เพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับ บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของจีน ซึ่งเริ่มดำเนินการในช่วงปลาย เดือนม.ค.67 โดย ณ สิ้นเดือนก.พ.67 ยอดอนุมติเงินกู้ภายใต้ มาตรการดังกล่าวอยู่ที่ 2 แสนล้านหยวน หรือราว 6.3% ของจำนวนเงินท่ีต้องใช้ดาเนินการก่อสร้างบ้านที่ถูกขายล่วงหน้าไปแล้วให้เสร็จส้ิน ดังนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่ามาตรการ white-list ของจีนจะช่วย บรรเทาผลกระทบเรื่องสภาพคล่องของ บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ได้บางส่วน ในขณะที่ยังมีบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่เข้าเกณฑ์จะยังเผชิญแรงกดดันด้านสภาพคล่องต่อไปอีก

 

3.สถานการณ์เรื่องภูมิรัฐศาสตร์และปัญหากาลังการผลิตส่วนเกิน จะส่งผลกระทบต่อการส่งออกของจีน โดยสถานการณ์ระหว่างจีนกับทั้งสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปยังมีประเด็นท่ีต้องติดตาม ดังน้ี

  • สหรัฐฯ-จีน : รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ แสดงความกังวลต่อกาลังการผลิตส่วนเกินของจีนที่จะทาให้สินค้าจีนทะลักสู่ ประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก ส่งผลให้สหรัฐฯ อาจมีมาตรการกีดกันทาง การค้ากับจีนเพิ่มเติมโดยเฉพาะที่จะนามาใช้เป็นนโยบายหาเสียง เลือกตั้งในสหรัฐฯ ที่จะมีขึ้นในเดือนพ.ย.67 น้ี ขณะท่ีสงคราม เทคโนโลยที่เข้มข้นขึ้นระหว่างสหรฐัฯและจีนจะย่ิงส่งผลกระทบต่อการ ส่งออก-นำเข้าในสินค้าประเภทเทคโนโลยี โดยล่าสุดสหรัฐฯ มีการ เตรียมคว่ำบาตรเครือข่ายบริษัทสัญชาติจีนที่มีส่วนช่วยเหลือ บริษัท สื่อสารโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของจีนในการผลิตชิปและโมเดม็ 5G
  • สหภาพยุโรป-จีน : คณะกรรมาธิการยุโรปได้ระบุว่าจะมีการสอบสวน รถยนต์ไฟฟ้าจีนและจะตั้งกาแพงภาษีต่อรถยนต์ไฟฟ้าจีน ซึ่งอาจจะมี ผลกระทบต่อการส่งออกรถยนต์จากจีนไปยุโรปในระยะข้างหน้า

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความท้าทายของเศรษฐกิจจีนดังกล่าวประกอบกับการผ่อนคลาย นโยบายการเงินเพิ่มเติมของจีนอาจจะมีข้อจำกัดมากขึ้น หากธนาคารกลาง สหรัฐฯ เลื่อนการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายออกไป ในขณะที่ขนาดของ งบประมาณทางการคลังไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสาคัญจากปีก่อนหน้า

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จึงมองเศรษฐกิจจีนในไตรมาสที่เหลือของปี 2567 ยังมี แนวโน้มจะเติบโตได้ต่ากว่า 4.5% โดยเฉพาะในไตรมาสที่ 2/67 ที่มีปัจจัย กดดันจากฐานที่สูงในปีก่อน ส่งผลให้เศรษฐกิจจีนทั้งปี 2567 ยังคาดว่าจะ เติบโตที่ 4.5%