นายชวลิต ถนอมถิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไร้ท์ทันเน็ลลิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ RT ผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านวิศวกรรมโยธา งานขุดเจาะอุโมงค์ และ ธรณีเทคนิคครบวงจร เปิดเผยทิศทางธุรกิจปี 2567 ตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้ไม่ต่ำกว่า 20% และ คาดว่าจะสามารถเพิ่มอัตรากำไรสุทธิให้อยู่ที่ระดับ 2-3% โดยมุ่งเน้นกลยุทธ์การบริหารงานโครงการและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานก่อสร้างให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งมอบงานและรับรู้รายได้ตามกำหนด
ขณะเดียวกันบริษัทยังให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการต้นทุน ทั้งในด้านราคาวัสดุและแรงงานก่อสร้าง พร้อมทั้งร่วมมือกับพันธมิตรก่อสร้างเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มศักยภาพการดำเนินงานที่ดีขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทสามารถบริหารต้นทุนดังกล่าวได้ดีขึ้นจากปีก่อน ส่งผลให้อัตรากำไรดีขึ้นเช่นเดียวกัน
สำหรับปี 2567 บริษัทเตรียมความพร้อมประมูลงานโครงการก่อสร้างทั้งภาครัฐและเอกชน โดยคาดว่าจะสามารถเข้ารับงานที่หลากหลาย อาทิ งานก่อสร้างอุโมงค์, งาน Slope Protection, งานเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดินโดยวิธี HDD และ Pipe Jacking ซึ่งเป็นงานโครงสร้างพื้นฐานจากภาครัฐที่จะอำนวยความสะดวกในการสัญจรและเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ประชาชน โดยปีนี้บริษัทตั้งเป้าการเติบโตของงานในมือ (Backlog) ที่ประมาณ 8,300 ล้านบาท
บริษัทรับรู้รายได้จากงานก่อสร้างที่อยู่ระหว่างดำเนินการอย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการรถไฟทางคู่ สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ สัญญาที่ 1 และ สัญญาที่ 2, โครงการก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำคลองทวีวัฒนา บริเวณคอขวด, โครงการก่อสร้างอุโมงค์ส่งน้ำตามแนวคลองมหาสวัสดิ์ สัญญา G-TN-9A,งานก่อสร้างเขื่อนหัวงานและอาคารประกอบพร้อมส่วนประกอบอื่น โครงการอ่างเก็บน้ำคลองโพล้ จังหวัดระยอง,งานก่อสร้างทำนบดินหัวงานและอาคารประกอบ โครงการอ่างเก็บน้ำคลองแอ่ง จังหวัดตราด, โครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน โครงการตามแนวรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ตะวันออก)
นอกจากนี้บริษัทมีแผนการขยายงานก่อสร้างในต่างประเทศ โดยร่วมมือกับบริษัทพันธมิตรก่อสร้างเพื่อเพิ่มโอกาสเข้ารับงานมากขึ้น โดยปัจจุบันได้เข้าพื้นที่และเริ่มดำเนินก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนหลวงพระบาง สปป.ลาวแล้ว ส่วนแผนการลงทุนใหม่ปีนี้ บริษัทตั้งงบลงทุนจำนวน 285 ล้านบาท เพื่อจัดเตรียมเครื่องจักรและเครื่องมือเครื่องใช้เพื่อรองรับโครงการใหม่ที่จะเกิดขึ้น
บริษัทให้ความสำคัญกับการพัฒนาประสิทธิภาพงานก่อสร้าง ด้วยการใช้เทคโนโลยีโดยมีจุดมุ่งหมายในการลดมลภาวะที่จะเกิดขึ้นจากงานก่อสร้าง เพื่อสอดรับกับเป้าหมายการเข้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนของประเทศไทย ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทได้เปลี่ยนระบบแสงสว่างภายในอุโมงค์ จากหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์เป็นหลอดไฟ LED และโครงการเปลี่ยนรถบรรทุกจากเครื่องยนต์ดีเซลให้เป็นระบบไฟฟ้าเพื่อใช้ในงานก่อสร้างภายในอุโมงค์ที่พัฒนาร่วมกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ปัจจุบันกำลังอยู่ในขั้นตอนการทดสอบระบบ และ คาดว่าจะสามารถนำมาใช้ในพื้นที่ก่อสร้างภายในปีนี้
“แม้ว่าภาพรวมอุตสาหกรรมก่อสร้างในปีนี้จะต้องเผชิญกับปัจจัยท้าทายด้านความล่าช้าในการจัดทำงบประมาณ ซึ่งส่งผลกระทบกับมูลค่าก่อสร้างภาครัฐในช่วงต้นปี แต่หน่วยงานต่าง ๆ ยังคงมีแผนนำเสนอการจัดประมูลงานโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดี ประกอบกับศักยภาพในการบริหารงานของบริษัท เชื่อว่าจะสามารถสร้างผลการดำเนินงานที่ดีได้อย่างแน่นอน” นายชวลิต กล่าว