"ศุภณัฐ"ซัดคมนาคม คนสับสนเลขสายรถเมล์ใหม่ จี้ใช้"ระบบตั๋วร่วม"

08 ก.พ. 2567 | 09:02 น.

"ศุภณัฐ"ตั้งกระทู้ถามคมนาคมประเด็นเปลี่ยนเลขสาย"รถเมล์"ใหม่ ทำประชาชนสับสน ทวงถาม "คมนาคม"จะจัดการ"ระบบตั๋วร่วมรถ-ราง-เรือ"อย่างไร ขณะ"สุรพงษ์"แจงในอนาคตระบบล้อและระบบรางจะสัมพันธ์กัน

วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2567 การประชุมสภาผู้แทนราษฎร นายศุภณัฐ มีนชัยนันท์ สส.กทม.พรรคก้าวไกล ตั้งกระทู้สดถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ถึงกรณีการเปลี่ยนเลขสายรถเมล์ในกรุงเทพมหานคร และประเด็นอื่น ๆ เกี่ยวกับระบบขนส่งสาธารณะที่เกี่ยวข้อง โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมได้มอบหมายให้ นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นผู้ตอบกระทู้แทน

นายศุภณัฐ อภิปรายว่า หลังจากที่กรมการขนส่งทางบกเริ่มต้นการปฏิรูปรถเมล์ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ปัญหาที่ประชาชนบ่นกันมากที่สุดอันดับหนึ่งคือการเปลี่ยนเลขสายรถเมล์เป็นรูปแบบใหม่ “X-XX” หรือที่เรียกกันว่าแบบ“มีขีดคั่นกลาง” ซึ่งที่มาของรูปแบบนี้รัฐคิดขึ้นมาเองด้วยการแบ่งกรุงเทพฯ ออกเป็น 4 โซน เมื่อลงไปดูรายละเอียดเส้นทางกลับพบความสับสนและไม่ตรงกับโซนที่กำหนดไว้ จึงอยากรู้ว่าใครเป็นเจ้าของความคิดนี้ เพราะในความเป็นจริงรถเมล์ไม่ได้วิ่งอยู่แค่ในโซนของตัวเอง แต่วิ่งกันข้ามโซน ระยะทาง 20-50 กิโลเมตร

นายศุภณัฐ กล่าวว่า เลขสายแบบใหม่นี้ผู้สูงอายุบ่นกันเป็นจำนวนมาก เพราะงง ไม่คุ้นชิน ไม่ใช่สายที่ใช้อยู่เป็นประจำ จนไม่กล้าขึ้นรถเมล์ และที่สำคัญกว่านั้น กรมการขนส่งทางบกเคยทำประชาพิจารณ์เลขสายรถเมล์ใหม่ไปแล้ว แต่ไม่ผ่าน ประชาชนไม่เอาด้วย แต่กรมการขนส่งทางบกก็ไม่ฟังเสียงประชาชน ยังจะใช้เลขสายใหม่ แม้กระทั่งผู้ให้บริการอย่างองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และไทยสมายล์บัสก็ไม่เอาด้วย จึงนำเลขสายเก่ามาใช้เป็นหลัก แล้ววงเล็บเลขสายใหม่ไว้ข้าง ๆ ตัวเล็ก ๆ

นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม

ล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รมว.คมนาคม ได้ให้สัมภาษณ์ว่าจะแก้ปัญหาเลขสายรถเมล์อีกรอบ โดยยืนยันจะใช้เลขสายรถเมล์รูปแบบใหม่ X-XX เหมือนเดิม แต่จะตัดขีดคั่นกลางออก แล้ววงเล็บเลขสายเก่าไว้ข้าง ๆ ตัวเล็ก ๆ เช่น สาย 1-8 จะกลายเป็นสาย 18 แล้วใส่เลข 59 ที่เป็นเลขสายเก่าไว้ในวงเล็บเป็น “18 (59 เดิม)”

ตนขอเรียกรูปแบบนี้ว่า "เวอร์ชั่นสุริยะ" แต่ปัญหาคือมันไปซ้ำกับเลขสายเก่าที่ใช้กันมานาน เช่น สาย 18 ใหม่ที่มาจาก 1-8 ไปซ้ำกับสาย 18 เดิม (ท่าอิฐ-อนุสาวรีย์ชัยฯ) ซึ่งจะทำให้ประชาชนยิ่งสับสนมากขึ้นไปอีก เลขสายเวอร์ชั่น นายสุริยะที่กำลังออกมาตอนนี้หนักที่สุดแล้ว ยิ่งแก้ยิ่งสับสน และไม่มีประโยชน์ เพราะว่าเลขสายของโซนรถเมล์มันใช้ไม่ได้จริง

 ในฐานะที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมมีหน้าที่กำกับกรมการขนส่งทางบกโดยตรง ท่านทราบหรือไม่ว่าเลขสายรถเมล์ใหม่ทั้งแบบ X-XX ที่กรมการขนส่งทางบกคิดขึ้นมา และแบบ XXX ที่ออกแบบโดยรัฐมนตรีสุริยะ ประชาชนเขาไม่เอาด้วยแล้ว เมื่อท่านทราบเช่นนี้แล้ว ท่านจะยกเลิกนโยบายและกลับไปใช้เลขแบบเดิมหรือไม่

ด้านนายสุรพงษ์ ตอบคำถามแรกว่า ที่มาของการเปลี่ยนเลขสายรถเมล์เริ่มต้นมาจากปี 2558 กระทรวงคมนาคมได้เล็งเห็นสภาพปัญหาของ ขสมก. ที่ขาดทุนสะสมและมีการบริการที่เสื่อมถอย จึงมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษาการปฏิรูประบบรถเมล์กรุงเทพฯ และได้ผลการศึกษาออกมาในปี 2559

จึงมีมติให้ยกเลิกมติ ครม. ที่ให้ ขสมก. เป็นผู้ผูกขาดสิทธิการเดินรถเมล์ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลแต่เพียงเจ้าเดียว และในปี 2560 ก็มีมติ ครม. ออกมารับทราบแผนการปฏิรูป โดยได้มีการกำหนดเส้นทางใหม่ ทำให้มีเส้นทางการเดินรถเพิ่มขึ้นเป็น 269 เส้นทาง (จากเดิม 202 เส้นทาง) และมีการเปลี่ยนเส้นทางวิ่งไปจากเดิมมากกว่า 80% 

ส่วนที่มาของเลขเส้นทางที่มีขีดคั่นกลางและการแบ่งเป็นโซนนั้น คณะศึกษาฯ ได้ให้เหตุผลว่า แต่ละโซนถ้าวิ่งไปไหน สุดท้ายขากลับจะกลับมาอยู่ที่เดิม การจดจำโซนการวิ่งจะสามารถแก้ปัญหา ผู้โดยสารหลงทางได้ ส่วนเรื่องความไม่เข้าใจของประชาชนในเลขสายการเดินรถ ทางรัฐบาลก็พยายามจะศึกษาและหาแนวทางแก้ไข ซึ่งตนได้มอบหมายให้คณะกรรมการขนส่งกลางฯ ไปทำการศึกษามาประมาณ 1-2 สัปดาห์แล้ว ว่าให้ลองดูความเป็นมา การเริ่มต้น หลักการ วิธีคิด และผลสะท้อนจากประชาชน

นายสุรพงษ์กล่าวต่อไปว่า วันนี้ตนยังไม่แน่ใจว่าการเปลี่ยนกลับไปกลับมาจะเป็นผลดีหรือไม่ หรือใช้รูปแบบใหม่แล้วพยายามทำความเข้าใจกับประชาชนจะดีกว่า ต้องไปศึกษาเพิ่มเติมว่าที่ผ่านมาการประชาสัมพันธ์ของผู้ให้บริการเพียงพอหรือไม่ ถ้าขาดเรื่องการประชาสัมพันธ์ก็จะเติมเต็มตรงส่วนนี้เข้าไปให้ประชาชนเข้าใจ หลังจากนั้นจะมีการออกแบบสอบถามเพื่อถามประชาชนอีกครั้งว่าเข้าใจมากขึ้นหรือไม่ และจะมีทีมลงไปศึกษารายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง คาดว่าไม่เกิน 90 วันคงได้คำตอบที่ชัดเจน

นายศุภณัฐ มีนชัยนันท์ สส.กทม.พรรคก้าวไกล

ขณะที่นายศุภณัฐกล่าวว่า โดยปกติรถเมล์ก็วิ่งรถไปและกลับอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเลขสายแบบใหม่นี้ไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับประชาชนเลย ตนจึงขอแนะนำว่าให้เปลี่ยนไปใช้แบบเดิม จะสะดวกสบายและง่ายต่อประชาชนมากกว่า แม้การปฏิรูปรถเมล์จะมีการเปลี่ยนแปลงเส้นทางวิ่ง

แต่ถ้าเป็นการแก้ไขเพียงเล็กน้อยก็ยังสามารถใช้เลขเดิมได้ ถ้าแก้ไขมากก็ค่อยไปใช้เลขใหม่ นอกจากนี้ การที่รัฐมนตรีระบุว่าต้องไปสำรวจผู้ให้บริการว่ามีการประชาสัมพันธ์ทั่วถึงหรือไม่ ตนยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ใช่หน้าที่ของผู้ให้บริการ แต่เป็นหน้าที่ของกรมการขนส่งทางบก เพราะท่านเป็นคนไปกำหนดเลขใหม่ทั้งหมดเอง

รถเมล์คือระบบขนส่งมวลชนที่สำคัญ โดยเฉพาะการเป็นฟีดเดอร์วิ่งถนนรองและเส้นเลือดฝอยเพื่อดันคนเข้ามาสู่ระบบราง แต่ปัจจุบันหลายสถานีรถไฟฟ้าก็ไม่มีรถเมล์ ทุกวันนี้ตนเห็นแต่ข่าวรัฐมนตรีและรัฐบาลสนใจจะอุดหนุนรถไฟฟ้า จะให้เงินชดเชยขนาดไหนก็ให้ได้เต็มที่ แต่รถเมล์กลับไม่เห็นมีการพูดถึง การชดเชยอุดหนุนรถเมล์ก็ไม่มี แค่หารถใหม่สภาพดีก็ยังไม่หากัน จะเพิ่มจำนวนรถก็ไม่เพิ่ม

ถ้าเปรียบเทียบกับเงินลงทุนรถไฟฟ้าหนึ่งสาย การลงทุนรถเมล์สามารถทำได้ทั้งกรุงเทพฯ จะซื้อใหม่ยกชุดก็ยังได้ แต่ก็ไม่ทำ จะแก้ไขปัญหารถเมล์ขาดแคลน วิ่งไม่ครบรอบอย่างไร และถนนที่ยังไม่มีรถเมล์ในกรุงเทพฯ รวมถึงจังหวัดที่ไม่มีรถเมล์ ท่านมีแนวทางทำให้เกิดรถเมล์อย่างไร และภายในปี 2567 จะมีจังหวัดใดอยู่ในแผนของรัฐบาลบ้างที่จะผลักดันให้เกิดรถเมล์เพิ่ม

นายสุรพงษ์ ชี้แจงว่ารัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ และให้ความสำคัญกับระบบขนส่งมวลชนทั้งระบบแบบบูรณาการ โดยต่อไปรถเมล์จะเป็นพระเอกของกรุงเทพฯ วันนี้อาจจะยังไม่เห็นภาพชัดเจน แต่ในอนาคตระบบล้อและระบบรางจะสัมพันธ์กัน รถเมล์และรถไฟฟ้าจะเป็นฟีดเดอร์ซึ่งกันและกัน ปัจจุบันเรามีระบบรางทั้งประเทศอยู่ประมาณ 4,044 กิโลเมตร วิ่งผ่าน 41 จังหวัด แต่ถ้ารถไฟทางคู่เสร็จ ระบบรถไฟความเร็วสูงเสร็จ เราจะมีรถไฟวิ่งผ่าน 64 จังหวัด รถเมล์ก็จะมีบัสเลนชัดเจนที่จะขนส่งผู้โดยสาร ส่วนเส้นทางการวิ่งก็ต้องปรับปรุงและปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ 

นายศุภณัฐ กล่าวว่า ตั้งแต่รัฐบาลแถลงนโยบายมา ตนยังมองไม่เห็นภาพการบูรณาการร่วมกันของระบบขนส่งมวลชนเลย และที่สำคัญ พันธกิจของกระทรวงคมนาคมคือการต้องทำให้แต่ละระบบเชื่อมโยงกันให้ได้จริง ๆ โดยเฉพาะการทำระบบตั๋วร่วม คือการใช้ตั๋วใบเดียวขึ้นทั้งรถ-ราง-เรือได้ และระบบค่าโดยสารร่วม คือขึ้นรถ-ราง-เรือตลอดทั้งทริป เปลี่ยนกี่รอบ กี่รูปแบบการเดินทางก็ได้ แต่รวมกันแล้วราคาต้องไม่เกินอัตราที่กำหนด

แม้ล่าสุดจะมีการพูดถึง พ.ร.บ. ตั๋วร่วม แต่ก็ยังไม่ชัดเจนว่าจะรวมรถ-ราง-เรือได้จริงหรือไม่ จึงขอตั้งคำถามว่า รัฐมนตรีจะจัดการเรื่องระบบตั๋วร่วมรถ-ราง-เรืออย่างไร และเรื่องค่าโดยสารร่วม ตลอดเส้นทางกำหนดราคาไว้สูงสุดอยู่ที่เท่าไร

นายสุรพงษ์ กล่าวอีว่า พ.ร.บ. ตั๋วร่วมน่าจะเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีภายในเดือนนี้ และจะมีการนำร่างฯ เสนอเข้าสู่สภาฯ ต่อไป คงต้องรอความชัดเจนต่อไปในชั้นกรรมาธิการว่าจะปรับแก้รูปแบบและราคาให้ออกมาเป็นอย่างไร