บอร์ดดิจิทัลวอลเล็ต ถกสัปดาห์หน้า "กู้เงิน 5 แสนล้าน" จ่อตั้งอนุฯสกัดโกง

06 ก.พ. 2567 | 03:25 น.

บอร์ดดิจิทัลวอลเล็ตชุดใหญ่ ถก แจกเงิน 10,000 บาท ต้นสัปดาห์หน้า จ่อ ตั้งอนุกรรมการป้องกันการทุจริต-รับฟังความคิดเห็น 3 สัปดาห์

วันนี้ (6 กุมภาพันธ์ 2567) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet (บอร์ดดิจิทัลวอลเล็ตชุดใหญ่) ที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธานจะประชุมภายในต้นสัปดาห์หน้า

นายจุลพันธ์กล่าวว่า โดยบอร์ดดิจิทัลชุดใหญ่จะมีการตั้งคณะอนุกรรมการขึ้น 2 คณะ ได้แก่ คณะอนุกรรมการการใช้จ่ายเงินดิจิทัลวอลเล็ต เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ไม่ให้เกิดการทุจริต ซึ่งจะอยู่จนจบภารกิจ และคณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นเพื่อเก็บข้อมูลให้เป็นที่ประจักษณ์ 2-3 สัปดาห์ ทั้งนี้ ร่างพ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาทยกร่างไว้แล้ว หวังใจไว้ว่าในระยะเวลา  2 เดือนข้างหน้าต้องเรียบร้อย 

บอร์ดดิจิทัลวอลเล็ต ถกสัปดาห์หน้า \"กู้เงิน 5 แสนล้าน\" จ่อตั้งอนุฯสกัดโกง

นายจุลพันธ์กล่าวว่า สำหรับความเห็นของหน่วยงานอื่น เช่น กฤษฎีกา คณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตก็จะให้คำตอบในข้อห่วงใย และข้อคิดต่าง ๆ ส่วนข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ที่ยังมาไม่ถึง รัฐบาลจะทำงานคู่ขนานและเมื่อมาถึงรัฐบาลเมื่อจะต้องนำข้อคิดเห็นเข้าสู่ที่ประชุมและตอบข้อสงสัยต่อไป

นายจุลพันธ์กล่าวว่า ตั้งแต่ช่วงระยะเวลา 1 เดือนที่ผ่านมา ตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ออกมาหนักหน่วงขึ้นเรื่อย ๆ ขณะนี้เกิดสภาวะที่ประชาชนขาดความมั่นใจในการใช้จ่าย ภาคการลงทุนจากภาคเอกชนไม่กล้าที่จะลงทุน การลงทุนต่างชาติกว่าจะมีผลในเรื่องเม็ดเงินลงทุนจริงยังต้องใช้เวลา ภาคบริโภคชะลอตัวลง โดยเฉพาะอัตราเงินเฟ้อติดลบ 4 เดือนต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งมาจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นสูงขณะนี้ 2.5 % ส่งผลให้ดูดซับสภาพคล่องออกจากระบบมากพอสมควร 

"สถานการณ์ของประเทศไทยในขณะนี้เหมือนกับปลาในบ่อ ประชาชนก็คือปลา พอน้ำในบ่อน้อยปลายก็ดิ้น มันก็อยู่ไม่ได้ เพราะไม่มีน้ำเพียงพอ สิ่งสำคัญที่รัฐบาลมอง คือ การเติบน้ำเข้าไปในบ่อให้เพียงพอ กับจำนวนปลา กับขนาดของบ่อ ซึ่งต้องการเม็ดเงินใหม่ นั่นก็คือ การเติมเงินผ่านดิจิทัลวอลเล็ต เป็นกลไกลสร้างเม็ดเงินใหม่ คือ การออกพ.ร.บ.กู้เงิน"นายจุลพันธ์กล่าว  

นายจุลพันธ์กล่าวว่า สุดท้าย ระหว่างที่รัฐบาลทำงานมาจนถึงวันนี้ เราได้ฟังเสียงจากภาคเอกชนจำนวนมาก ซึ่งทุกคนมองเห็นประโยชน์ของการเดินหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต และต้องการเข้ามามีส่วนร่วม เราต้องการสร้างแอปพลิเคชั่น ซึ่งจะเป็นระบบการแลกเปลี่ยนกลางของภาครัฐ สามารถเชื่อมต่อได้กับภาคเอกชน เช่น ธนาคารพาณิชย์ สถาบันการเงินของรัฐ โดยจะมอบหมายให้กรรมการไปหารือเพิ่มเติมกับธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ เพื่อสร้างการเชื่อมต่อระหว่างธนาคารพาณิชย์กับระบบดิจิทัลวอลเล็ต เพื่อให้ใช้ได้กว้างขวางมากขึ้นและเป็นประโยชน์กับประชาชนผู้ใช้ และที่สำคัญเพื่อเชื่อมโยงระบบการชำระจ่ายเงินของประเทศให้สมบูรณ์มากขึ้น อย่างไรก็ตามข้อเสนอให้ใช้แอปพลิเคชั่น “เป๋าตัง” ยังเป็นไปตามข้อเสนอเดิม