“เศรษฐา”ประกาศกลางวงหอการค้า แก้หนี้นอกระบบ-SME เร่ง FTA วาระแห่งชาติ

19 พ.ย. 2566 | 04:32 น.

“เศรษฐา”ประกาศกลางวงหอการค้าทั่วประเทศ เร่งแก้หนี้นอกระบบ-หนี้ SME ดัน FTA เป็นวาระแห่งชาติ พร้อมเยือนญี่ปุ่นสร้างความเชื่อมั่นดึงลงทุนระลอกใหม่ ขอบคุณที่ลงทุนในไทยมากสุด และมีส่วนขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยช่วง 50 ปีที่ผ่านมา

นายเศรษฐา  ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง “The time to act is now พลิกวิกฤต ฟื้นเศรษฐกิจไทยให้ยั่งยืน” หลังการรับมอบสมุดปกขาวสรุปผลการจัดสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศครั้งที่ 41 จากนายสนั่น  อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ใจความสำคัญว่า

วันนี้ทุกคนทราบกันดีว่าเศรษฐกิจไทยเป็นอย่างไร เรื่องของดิจิทัล วอลเล็ต มีทั้งผู้เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ซึ่งเมื่อวานนี้ท่านประธานธนินท์ (นายธนินท์  เจียวนนท์ ประธานอาวุโส เครือเจิญโภคภัณฑ์) ก็แสดงความคิดเห็นออกมา (ว่าเห็นด้วย) ทั้งนี้ถือเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วน หรือไทยมีวิกฤตหรือไม่ มีบางคนเห็นว่าไม่เร่งด่วน ไม่จำเป็น ไม่วิกฤต แต่รัฐบาลนี้เห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจำเป็นและเร่งด่วน และประเทศไทยอยู่ในภาวะวิกฤตจากเศรษฐกิจโลก ประเทศไทยไม่ได้อยู่ประเทศเดียวในโลก และอยู่ในภาวการณ์แข่งขันที่สูงมาก คู่แข่งเรา อาทิ เวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ซึ่งในปีที่ผ่านมาประเทศต่าง ๆ เหล่านี้ตัวเลขเศรษฐกิจขยายตัวมากกว่าไทย

“เศรษฐา”ประกาศกลางวงหอการค้า แก้หนี้นอกระบบ-SME เร่ง FTA วาระแห่งชาติ

สำหรับประเทศไทยช่วง 9 ปี ประเทศไทยได้มีการพักหนี้ให้กับเกษตรกรมา 13 ครั้งแล้ว ซึ่งเกษตรกรก็อยากมีความภาคภูมิใจในอาชีพ เขาอยากมีตลาดขายสินค้าใหม่ ๆ  รัฐบาลก็จะไปช่วยขายสินค้าให้เพื่อให้ได้ราคาที่ดีขึ้น ช่วยผลักดันนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อช่วยให้เกษตรกรมีผลผลิต และรายได้ที่สูงขึ้น

2 เดือนที่ผ่านมารัฐบาลได้มีมาตรการพักหนี้เกษตรกร ลดค่าไฟ ลดราคาน้ำมันดีเซล และเบนซิน เรื่องการท่องเที่ยวได้ยกเว้นวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวจากจีน คาซัคสถาน อินเดีย และไต้หวันเป็นเรื่องเร่งด่วน และยกเลิกยื่นแบบ ตม.6  เพื่อให้นักท่องเที่ยวจากมาเลเซียเข้ามาไทยง่ายขึ้น นอกจากนี้ได้เดินทางเยือนหลายประเทศไม่ว่าจะเป็นฮ่องกง สิงค์โปร์ บรูไน มาเลเซีย

“เศรษฐา”ประกาศกลางวงหอการค้า แก้หนี้นอกระบบ-SME เร่ง FTA วาระแห่งชาติ

ส่วนหนึ่งจุดประสงค์ที่เดินทาง ไปได้แสดงจุดยืนชัดเจนว่าเราไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ต้องการมาค้าขายเพื่อทำให้ประเทศไทยดีขึ้น ได้ชักชวนต่างประเทศให้เข้ามาดู เข้ามาลงทุนในไทย โดยไทยให้การสนับสนุนด้านสิทธิประโยชน์ทางภาษี และสิทธิประโยชน์ด้านต่าง ๆ เป็นตัวชูโรง อย่างไรก็ดีไทยยังล้าหลังคู่แข่งขันในเรื่องความตกลงการค้าเสรี (FTA) ที่ช่วง 10 ปีที่ผ่านมาเรามีการเจรจาเรื่องนี้น้อยมาก

ดังนั้นเรื่อง FTA จะเป็นวาระที่สำคัญที่สุดเรื่องหนึ่งของรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งรัฐบาลจะเดินหน้าเต็มที่ในเรื่องการเจรจาเอฟทีเอ เพื่อให้ต่างประเทศเข้ามาใช้เป็นฐานการผลิตและส่งออกไปทั่วโลก ซึ่งเราต้องทำงานแข่งกับเวลา เพื่อให้นักลงทุนเข้ามาประเทศไทยมากขึ้น ซึ่งในการเดินทางไปต่างประเทศได้มีการเจรจาปูทางไว้แล้วอย่างเช่น การอัพเดท FTA ที่ทำไว้แล้วกับออสเตรเลีย

รวมถึงปลายปีนี้ตนจะเดินทางเยือนญี่ปุ่น และต้นปีหน้าจะไปยุโรป เพื่อขยายการค้า การลงทุนระหว่างกันให้มากขึ้น โดยเฉพาะญี่ปุ่นที่เป็นนักลงทุนอันดับ 1 ในไทยในช่วง 40-50 ปีที่ผ่านมา และมีส่วนสำคัญต่อเศรษฐกิจไทย ก็อยากจะไปขอบคุณ และช่วยสนับสนุนการลงทุนของญี่ปุ่นในไทยให้เพิ่มขึ้น

“เศรษฐา”ประกาศกลางวงหอการค้า แก้หนี้นอกระบบ-SME เร่ง FTA วาระแห่งชาติ

“เดือนหน้าผมจะไปญี่ปุ่น ซึ่งเป็นคู่ค้าสำคัญที่สุดของไทย ที่ลงทุนในไทยมา 50-60 ปีประกอบโรงงานรถยนต์ใหญ่สุดและลงทุนสูงสุด ผมพูดไม่อายว่าเราเป็นหนี้บุญคุณญี่ปุ่นอยู่ แต่ปัจจุบันโลกเปลี่ยนไป ไทยและญี่ปุ่นต้องเดินไปด้วยกัน เขาอาจจะล้าหลังทางด้านอีวี แต่เป็นหน้าที่ของรัฐบาลไทยที่จะต้องรำลึกถึงบุญคุณของบริษัทญี่ปุ่นที่มาลงทุนไทยและนำการเติบโตมาสู่ประเทศไทย และเราต้องนำพาเขาไปสู่ประเทศที่มีการเปลี่ยนแปลงและเราเป็นส่วนหนึ่งของซัพพลายเชนของเขาที่ประสบความสำเร็จ”

อย่างไรก็ดีบริษัทใหญ่ ๆ ที่ตนได้พบไม่ว่าที่สหรัฐอเมริกา และประเทศอื่น ๆ ต่างมองไทยในมุมบวก โดยไทยมีความพร้อมเรื่องคมนาคม โครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ เรื่องพลังงานสะอาด ซึ่งเรื่องสิทธิประโยชน์ภาษีอย่างเดียวคงไม่พอ เรื่องพลังงานสะอาด พลังงานหมุนเวียนเป็นสิ่งจำเป็นต่อนักลงทุนที่ไทยต้องเร่งพัฒนารองรับ

“เศรษฐา”ประกาศกลางวงหอการค้า แก้หนี้นอกระบบ-SME เร่ง FTA วาระแห่งชาติ

นายเศรษฐา กล่าวอีกว่า รัฐบาลพยายามแก้ไขในเรื่องภาระหนี้สิน ที่ไม่ใช้แค่หนี้ในระบบอย่างเดียว ยังเป็นเรื่องหนี้นอกระบบ ซึ่งจะร่วมกับกระทรวงมหาดไทยออกนโยบายให้นายอำเภอ ผู้กำกับ หรือนายตำรวจในพื้นที่ ให้เป็นโต้โผใหญ่ในการที่จะเรียกเจ้าหนี้และลูกหนี้มาไกล่เกลี่ยกัน เพราะหนี้นอกระบบคิดดอกเบี้ยสูงมาก

เรื่องการชาร์จดอกเบี้ยสูงนี้จะต้องยกเลิก เป็นนโยบายอีกเรื่องหนึ่งที่รัฐบาลจะทำให้ได้เพราะเป็นเรื่องที่กัดกร่อนสังคมไทยมานาน และทำให้ประเทศชาติไม่เจริญเติบโต และก่อให้เกิดอาชญากรรม ขณะที่เป็นความขมขื่นของประชาชนที่ทำงานหนักเพื่อนำเงินมาใช้หนี้นอกระบบ ซึ่งรัฐบาลจะประกาศนโยบายในต้นเดือนธันวาคมนี้

ส่วนมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้เอสเอ็มอีจะประกาศชัดเจนต้นเดือนหน้าเช่นเดียวกัน ทั้งนี้เพื่อเป็นความหวังแก่ประชาชนและผู้ประกอบการ เรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ถือเป็นวาระแห่งชาติ