“คมนาคม” ปลุกเส้นทางรถไฟ “สิงคโปร์-คุนหมิง” บูม 5 ประเทศ

03 พ.ย. 2566 | 00:00 น.

“คมนาคม” กางแผนเส้นทางรถไฟ “สิงคโปร์-คุนหมิง” 4.5 พันกม. หนุน 5 ประเทศ เดินหน้ารุกรถไฟทางคู่เฟส 2 วงเงิน 2.75 แสนล้านบาท ตั้งเป้าลุยทางคู่ภายในปี 70 ดันฮับด้านคมนาคมขนส่งภูมิภาค

 นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง(ขร.) กล่าวในการเสวนาหัวข้อ “โอกาสของไทยในการเป็นศูนย์กลางการคมนาคมแห่งภูมิภาคเชื่อมไทยเชื่อมโลก” ในงาน “4th iTIC FORUM 2023 : Power of Connectivity and Smart Mobility ว่า กระทรวงคมนาคม อยู่ระหว่างเร่งดำเนินการให้เส้นทางรถไฟสายสิงคโปร์-คุนหมิง ที่เชื่อมโยงทางรถไฟ 5 ประเทศ รวมระยะทางประมาณ 4,500 กิโลเมตร(กม.) ได้แก่ สิงคโปร์, มาเลเซีย, ไทย, ลาว และจีน

 

ในปัจจุบันเป็นทางเดี่ยว เป็นทางคู่ให้ได้ในปี 70 เพื่อเชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคมระดับภูมิภาคจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถึงเอเชียตะวันออก และเพิ่มขีดความสามารถในการขนส่งสินค้า และผู้โดยสารเดินให้สะดวก และรวดเร็วขึ้น รวมทั้งยังส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลาง(ฮับ) ด้านคมนาคมขนส่งของภูมิภาคตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี(ปี 61-80) ด้วย

 

ทั้งนี้ในปัจจุบันเส้นทางสิงคโปร์-คุนหมิง เหลือเพียงช่วงชุมพร-ปาดังเบซาร์เท่านั้น ที่ยังเป็นทางเดี่ยว ซึ่งกระทรวงคมนาคมได้เร่งรัดให้เสนอช่วงดังกล่าว และดำเนินการโดยเร็วที่สุด โดยในช่วงนี้มีอยู่ 3 เส้นทาง

 

ขณะที่ทางใต้ในโครงการรถไฟทางคู่ ระยะ(เฟส)ที่ 2 ได้แก่ ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 168 กม. วงเงิน 2.4 หมื่นล้านบาท, ช่วงสุราษฎร์ธานี-ชุมทางหาดใหญ่-สงขลา ระยะทาง 321 กม. วงเงิน 5.7 หมื่นล้านบาท และช่วงชุมทางหาดใหญ่-ปาดังเปซาร์ ระยะทาง 45 กม. วงเงิน 6.6 พันล้านบาท เบื้องต้นทราบว่าช่วงชุมทางหาดใหญ่-ปาดังฯ รฟท.จะเสนอคณะกรรมการ(บอร์ด) การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) พิจารณาในเดือน พ.ย.66 และเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.) ในปี 66

นายพิเชฐ กล่าวต่อว่า การที่ไทยจะเป็นฮับด้านคมนาคมขนส่งของภูมิภาคได้นั้น ต้องเร่งผลักดันโครงการรถไฟทางคู่เฟสที่ 2 ซึ่งมี 7 เส้นทาง ระยะทาง 1,479 กม. วงเงิน 2.75 แสนล้านบาทด้วย เพราะจะทำให้เส้นทางรถไฟสายสิงคโปร์-คุนหมิง มีความสมบูรณ์มากขึ้น 

 

ขณะเดียวกันกระทรวงคมนาคม ยังอยู่ระหว่างเตรียมก่อสร้างสะพานมิตรไทย-ลาว (หนองคาย-เวียงจันทน์) แห่งใหม่ ซึ่งอยู่คู่ขนาน และห่างจากสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 1 (หนองคาย-เวียงจันทน์) ประมาณ 30 เมตร โดยปัจจุบันกรมทางหลวง(ทล.) ได้ศึกษาแล้วเสร็จ และ รฟท. ได้ตั้งงบประมาณปี 67 เตรียมออกแบบรายละเอียดการก่อสร้างสะพานฯ พร้อมทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม(อีไอเอ) แล้ว

 

นายพิเชฐ กล่าวต่อว่า เบื้องต้นผลการศึกษาฯ ระบุว่า จะก่อสร้างสะพานรถไฟข้ามแม่น้ำโขงก่อน ส่วนสะพานรถยนต์ไว้ทีหลัง เนื่องจากสะพานเดิมยังสามารถรองรับจำนวนรถยนต์ได้อยู่ ทั้งนี้คาดว่า รฟท. จะใช้เวลาดำเนินการออกแบบรายละเอียดฯ ประมาณ 1 ปี 
 

หลังจากนั้นจะเสนอ ครม. พิจารณาในช่วงต้นปี 68 เริ่มก่อสร้างประมาณปี 68 ใช้เวลาการก่อสร้างประมาณ 3 ปี จะแล้วเสร็จ และสามารถเปิดให้บริการปี 71 เบื้องต้นสะพานรถไฟข้ามแม่น้ำโขง วงเงินประมาณ 3 พันล้านบาท โดยจะมี 4 ทางวิ่ง เป็นทางรถไฟขนาดมาตรฐาน 1.435 เมตร 2 ทางวิ่ง เพื่อรองรับรถไฟความเร็วสูง และทางรถไฟขนาด 1 เมตร 2 ทางวิ่ง เพื่อรองรับรถไฟทางคู่ เมื่อแล้วเสร็จจะช่วยรองรับการพัฒนาโครงข่ายเชื่อมต่อด้านการคมนาคมขนส่งระหว่างไทยกับลาว ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยทางลาวได้รับทราบเบื้องต้นแล้ว

 

ทั้งนี้ รฟท. ยังอยู่ระหว่างการพัฒนาย่านเปลี่ยนถ่ายสินค้า(CY) สถานีนาทา เพื่ออำนวยความสะดวกระบบขนส่งโลจิสติกส์ รองรับการเติบโตทางการค้า การลงทุนของไทย และลาวในอนาคต โดยคาดว่าจะเปิดประกวดราคา(ประมูล) ต้นปี 67

 

อย่างไรก็ตามการพัฒนารถไฟทางคู่กำลังเดินหน้าต่อเนื่อง โดยตั้งแต่ปี 67 เป็นต้นไป จะเริ่มเห็นอิทธิฤทธิ์ของรถไฟทางคู่ ที่จะเริ่มผลิดอกออกผล ทำให้การเชื่อมต่อทั้งภายในประเทศ และระหว่างประเทศสำเร็จเป็นจริง ปัจจุบันรถไฟทางคู่มีระยะทางประมาณ 627 กม. และตั้งแต่ปีหน้าเมื่อทางคู่เฟสที่ 1 เสร็จ จะเพิ่มขึ้นอีกประมาณพันกิโลเมตร หลังจากทิ้งช่วงไม่ได้พัฒนามานาน ทั้งนี้ยังมีแผนที่จะพัฒนาทางคู่ให้ได้ 3,400 กม.ต่อไปด้วย