เช็คข้อมูลการจ่ายช่วยเหลือ เงินเยียวยาน้ำท่วม 2566 หลังจากพื้นที่ภาคเหนือหลายจังหวัด กลายเป็นพื้นที่ประสบอุทกภัย น้ำป่าไหลหลาก โดยลำน้ำหลายแห่งมีปริมาณน้ำไหลล้นทะลักเข้าท่วมบ้านเรือน ถนน และเส้นทางการคมนาคม มีสาเหตุมาจากฝนตกหนักติดต่อกันหลายวันตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกันยายน ที่ผ่านมา
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานสถานการณ์ล่าสุด ณ วันที่ 29 กันยายน 2566 มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมแล้ว 10 จังหวัด 27 อำเภอ 56 ตำบล/เทศบาล โดยมีบ้านเรือนที่ได้รับผลกระทบอย่างน้อย 217 หมู่บ้าน/ชุมชน โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือ ทั้ง จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แพร่ แม่ฮ่องสอน รวมทั้งจังหวัดเพชรบูรณ์ อุตรดิตถ์ เลย หนองบัวลำภู และปราจีนบุรี
ทั้งนี้พบว่า พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมส่วนมาก เป็นบ้านเรือนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมขัง 172 หลัง ถนน/สะพาน 57 แห่ง และพื้นที่สาธารณะประโยชน์ 7 แห่ง ขณะเดียวกันยังพบอุบัติเหตุ รถไฟตกราง ซึ่งเป็นรถไฟด่วนพิเศษขบวนที่ 13 กรุงเทพอภิวัฒน์-เชียงใหม่ หลังเจอน้ำท่วมราง เกิดน้ำป่าทะลัก และดินสไลด์ระหว่างสถานีแก่งหลวงถึงสถานีบ้านปิน อำเภอรอง จังหวัดแพร่ ด้วย
สำหรับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นนั้น ผู้ที่ได้รับผลกระทบจะสามารถได้รับการช่วยเหลือ เยียวยาน้ำท่วม 2566 ภายหลังจากพ้นวิกฤตน้ำท่วมไปแล้ว โดยเจ้าหน้าที่จะเขาไปทำการสำรวจความเสี่ยหาย ซึ่งหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของการจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาน้ำท่วม นั้น จะมีกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
ภายใต้หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และอัตราการจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาน้ำท่วม กำหนดไว้ภายใต้หลักเกณฑ์การใช้จ่ายเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2563 โดยมีสาระสำคัญ แบ่งออกเป็นด้านต่าง ๆ ฐานเศรษฐกิจ สรุปให้ดังนี้
ด้านการดำรงชีพ
การช่วยเหลือเยียวยาน้ำท่วม ด้านการดำรงชีพ กำหนดให้ดำเนินการช่วยเหลือเป็นสิ่งของหรือจ่ายเป็นเงิน โดยคำนึงถึง สภาพและเหตุการณ์ตามความเหมาะสม แบ่งเป็นด้านต่าง ๆ ดังนี้
1.ค่าอาหารจัดเลี้ยง วันละไม่เกิน 3 มื้อ มื้อละไม่เกิน 50 บาทต่อคน
2.ค่าถุงยังชีพ ชุดละไม่เกิน 700 บาทต่อครอบครัว
3.ค่าจัดซื้อหรือจัดหาน้ำสำหรับบริโภคและใช้สอยในที่อยู่อาศัย เท่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็นจนกว่าเหตุการณ์ประสบภัยพิบัติจะเข้าสู่ภาวะปกติ
4.ค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพเบื้องต้น กรณีที่อยู่อาศัยได้รับความเสียหายทั้งหลังเท่าที่จ่ายจริงครอบครัวละไม่เกิน 3,800 บาท
5.ค่าวัสดุซ่อมแซมที่อยู่อาศัยประจำ ซึ่งผู้ประสบภัยพิบัติเป็นเจ้าของที่ได้รับความเสียหาย เท่าที่จ่ายจริงหลังละไม่เกิน 49,500 บาท
6.ค่าวัสดุซ่อมแซมหรือสร้างยุ้งข้าว โรงเรือนสำหรับเก็บพืชผลและคอกสัตว์ที่ได้รับความเสียหาย เท่าที่จ่ายจริงครอบครัวละไม่เกิน 5,700 บาท
7.กรณีที่ผู้ประสบภัยพิบัติเช่าบ้านเรือนของผู้อื่น และบ้านเช่าเสียหายจากภัยพิบัติทั้งหลัง หรือเสียหายบางส่วนจนอยู่อาศัยไม่ได้ ให้ช่วยเหลือเป็นค่าเช่าบ้านแก่ผู้ประสบภัยพิบัติ เท่าที่จ่ายจริงในอัตราครอบครัวละไม่เกินเดือนละ 1,800 บาท เป็นเวลาไม่เกิน 2 เดือน
8.ค่าดัดแปลงสถานที่สำหรับเป็นที่พักชั่วคราว เท่าที่จ่ายจริงครอบครัวละ ไม่เกิน 2,500 บาท หรือค่าผ้าใบหรือผ้าพลาสติกหรือวัสดุอื่น ๆ สำหรับกันแดดกันฝน เท่าที่จ่ายจริง ครอบครัวละไม่เกิน 1,000 บาท
9. ค่าใช้จ่ายที่ส่วนราชการจัดหาสาธารณูปโภคในที่พักชั่วคราว แยกเป็น
10.ค่าเครื่องนุ่งห่มที่ได้รับความเสียหายและไม่สามารถนำกลับมาใช้ได้อีก หรือมีความจำเป็นต้องใช้ในการดำรงชีพ กรณีไม่มีเครื่องนุ่งห่มในการดำรงชีพขณะเกิดภัย รายละไม่เกิน 1,100 บาท
11.ค่าเครื่องมือประกอบอาชีพ และหรือเงินทุนสำหรับผู้ประสบภัยพิบัติ ที่เป็นอาชีพหลักในการหาเลี้ยงครอบครัวของผู้ประสบภัยพิบัติ เท่าที่จ่ายจริงครอบครัวละไม่เกิน 11,400 บาท
12.ค่าช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ
13.ค่าจัดการศพผู้เสียชีวิต รายละไม่เกิน 29,700 บาท และในกรณี ผู้ประสบภัยที่เสียชีวิตเป็นหัวหน้าครอบครัวหรือเป็นผู้หารายได้เลี้ยงดูครอบครัว ให้พิจารณาช่วยเหลือเงินสงเคราะห์ครอบครัวอีกไม่เกิน 29,700 บาท
14.กรณีอากาศหนาวจัดผิดปกติมีอุณหภูมิต่ำกว่า 8 องศาเซลเซียส และมีช่วงเวลาอากาศหนาวยาวนานติดต่อกันเกิน 3 วัน ให้จ่ายค่าจัดซื้อเครื่องกันหนาวสงเคราะห์ประชาชนได้ เท่าที่จ่ายจริงคนละไม่เกิน 300 บาท ทั้งนี้ จังหวัดหนึ่งไม่เกินงบประมาณปีละ 1.2 ล้านบาท
15.ค่าเครื่องครัวและอุปกรณ์ในการประกอบอาหาร ที่สูญหายหรือได้รับความเสียหายและไม่สามารถนำกลับมาใช้ได้อีก เท่าที่จ่ายจริงครอบครัวละไม่เกิน 3,500 บาท
16.ค่าเครื่องนอน ที่สูญหายหรือได้รับความเสียหายและไม่สามารถ นำกลับมาใช้ได้อีก หรือมีความจำเป็นต้องใช้ในการดำรงชีพกรณีไม่มีเครื่องนอนในการดำรงชีพขณะเกิดภัย เท่าที่จ่ายจริงคนละไม่เกิน 1,000 บาท
ด้านสังคมสงเคราะห์
การช่วยเหลือเยียวยาน้ำท่วม ด้านสังคมสงเคราะห์ ให้ดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ โดยจัดโครงการฝึกอบรมส่งเสริมอาชีพระยะสั้นเฉพาะพื้นที่ประสบภัยพิบัติแก่ผู้ประสบภัย เพื่อให้มีรายได้เลี้ยงดูครอบครัวในภาวะวิกฤต โดยให้เบิกค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ดังนี้
ด้านการแพทย์และการสาธารณสุข
การช่วยเหลือเยียวยาน้ำท่วม ด้านการแพทย์และการสาธารณสุข ให้ดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ ดังนี้
1.จัดหาวัสดุ เคมีภัณฑ์ อาหาร และเวชภัณฑ์ สำหรับแจกจ่ายประชาชน เพื่อให้ประชาชนได้บริโภคน้ำและอาหารที่ปลอดภัย ดังนี้
2.จัดหาวัสดุ เคมีภัณฑ์ วัสดุวิทยาศาสตร์การแพทย์ สำหรับไปปฏิบัติงาน ช่วยเหลือประชาชน ปรับปรุงสุขาภิบาลและอนามัยสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการควบคุมป้องกันโรคได้ เท่าที่จ่ายจริง ตามความจำเป็นและเหมาะสม ดังนี้
3.จัดหาวัสดุควบคุมและป้องกันโรคระบาดในภาวะภัยพิบัติ จัดหายาและเวชภัณฑ์ สำหรับไปปฏิบัติงาน การควบคุมป้องกันโรคและการปฏิบัติการด้านการแพทย์เพื่อช่วยเหลือประชาชนในภาวะ ภัยพิบัติ ได้แก่ ค่าวัสดุเก็บตัวอย่าง น้ำยา และสารเคมีในการเก็บตัวอย่างและวิเคราะห์ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ เท่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็นและเหมาะสม