ประธานสภาอุตฯตากชี้ เมียนมาเข้มเก็บภาษี ทำค้าชายแดนสะดุด

16 ส.ค. 2566 | 09:57 น.

ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดตากชี้ "เมียนมา"เข้มงวดเก็บภาษี สภาวะเศรษฐกิจถดถอย และการสู้รบระหว่างรัฐบาลเมียนมา-ชนกลุ่มน้อย ส่งผลให้มูลค่าการค้าชายแดนสะดุด

นายชัยวัฒน์ วิทิตธรรมวงศ์  ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดตาก กล่าวถึง มูลค่าการค้า-การลงทุน ชายแดนไทย-เมียนมา ด่านพรมแดนแม่สอด-เมียวดี ว่า มูลค่าการค้าในปี 2566 น่าจะลดลงจากปี 2565 ที่ผ่านมา ทั้งยอดส่งออกและนำเข้า ซึ่งมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย เช่น จากสภาวะเศรษฐกิจ โดยภาพรวมที่ถดถอย 

รวมทั้งเป็นผลจากรัฐบาลเมียนมามีการเข้มงวดในการจัดเก็บภาษี เพราะทราบมาว่าเงินสำรองในเมียนมาหมด จึงต้องเข้มงวดเพื่อเก็บภาษีนำเงินเข้ารัฐให้มากขึ้น  โดยเฉพาะสินค้าเกษตรข้าวโพด ส่งออก ที่รัฐบาลให้นโยบายพ่อค้า นักธุรกิจ ชาวเมียนมา ต้องใช้วิธีการโอนเงินเข้าธนาคาร ให้ระบบการเงินผ่านธนาคาร เพื่อหักภาษีจากพ่อค้า  

 ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดตาก กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีการสู้รบระหว่างทหารรัฐบาลเมียนมากับกองกำลังชนกลุ่มน้อย ในพื้นที่ มีผลทำให้การส่งสินค้าผ่านแดนไปยังเมืองต่างๆในเมียนมา พ่อค้าขนส่งได้ยากลำบากขึ้น ทำให้ปริมาณยอดการสั่งซื้อ-ขาย ลดลง เพื่อลดความเสี่ยง จากเหตุการณ์สู้รบ  

อีกปัจจัยคือขณะนี้มีฝนตกหนักและเกิดอุทกภัยหลายจุด มีถนนเส้นทางต่างๆจากชายแดนไปยังพื้นที่ชั้นในมีเส้นทางขาด สะพานชำรุดเสียหาย ซึ่งมาจากอุทกภัย ทำให้การขนส่งลำเลียงสินค้าลดลง ในช่วงนี้เพราะเส้นทางระบบคมนาคมถูกตัดขาด หลายแห่ง

นายชัยวัฒน์ วิทิตธรรมวงศ์  ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดตาก
ขณะที่เศรษฐกิจในประเทศไทย ช่วงที่กำลังจะมีการเปลี่ยนถ่ายรัฐบาล และผู้นำประเทศ  ทำให้ฉุดเศรษฐกิจลง และเศรษฐกิจจะชะลอตัวหรือลดลง  เนื่องจากการเมืองยังไม่มีความชัดเจน ทั้งการจัดตั้งของขั้วการเมืองต่างๆ  การย้ายค่าย การเปลี่ยนข้าง ฯลฯ

จากการติดตามข่าวสารการเมือง นั้นทำให้นักธุรกิจ นักลงทุน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ยังไม่มีความมั่นใจที่จะลงทุนในธุรกิจใหญ่ๆ เพราะยังไม่ทราบนโยบายที่ชัดเจนของรัฐบาล อีกทั้งยังไม่ชัดเจนว่า  พรรคการเมืองใด จะได้เป็นรัฐบาล

 

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับมูลค่าการค้าชายแดน ด่านศุลกากรแม่สอด-เมียวดี ระหว่าง วันที่ 1 ตุลาคม 2566- วันที่ 31 กรกฎาคม 2566 มูลค่าส่งออก 83,580,245,158.65 บาท   และ  มูลค่านำเข้า 13,607,432,744.86 บาท