"บีโอไอ" เดินสายแจงต่างชาติ รอรัฐบาลใหม่นโยบายลงทุนไม่เปลี่ยน

18 มิ.ย. 2566 | 23:05 น.

รองนายกฯ “สุพัฒนพงษ์” สั่งบีโอไอ เดินสายทำความเข้าใจนักลงทุนต่างชาติ การันตีนโยบายประเทศไทยไม่เปลี่ยน แม้รอรัฐบาลใหม่ เตรียมพร้อมรวบรวมข้อมูลส่งไม้ต่อขับเคลื่อนการลงทุน หวังนโยบายที่ทำมาไม่สะดุด

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ในช่วงระหว่างการเปลี่ยนผ่านไปสู่รัฐบาลใหม่นี้ ได้สั่งการไปยังทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมลงทุน (บีโอไอ) เดินสายทำความเข้าใจกับนักลงทุน เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่านโยบายด้านการลงทุนประเทศไทยยังไม่เปลี่ยน

“ตอนนี้มอบหมายให้บีโอไอ ไปเร่งเดินสายทำความเข้าใจกับนักลงทุนให้เกิดความมั่นใจว่า ในช่วงที่ประเทศไทยอยู่ระหว่างช่วงรอคอยรัฐบาลใหม่ ศักยภาพของประเทศไทยก็ยังมีความพร้อมในการรองรับนักลงทุนจากทั่วโลกอยู่” นายสุพัฒนพงษ์ ระบุ

ทั้งนี้ยอมรับว่า นโยบายด้านการส่งเสริมการลงทุนของทุกพรรคการเมืองในช่วงที่ผ่านมา สาระสำคัญของนโยบายส่วนใหญ่ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก เช่น การผลักดันอุตสาหกรรมใหม่ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ การแก้ไขปัญหาโลกร้อน พลังงานสะอาด และการเจรจาความร่วมมือทางการค้า FTA ถือว่ามีความสอดคล้องกันเกือบทั้งหมด ดังนั้นจึงขอให้ทางบีโอไอไปยืนยันเรื่องเหล่านี้ให้นักลงทุนรับทราบ เพื่อให้เกิดความมั่นใจลงทุนในประเทศไทย

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

ภาพประกอบข่าว นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน

นักลงทุนเกาหลี-จีน สนใจลงทุน

นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังได้รับรายงานจากบีโอไอ ถึงการเดินทางไปโรดโชว์ที่ประเทศเกาหลีใต้ เพื่อดึงดูดนักลงทุน ซึ่งผลการเดินทางนั้นก็มีแนวโน้มที่ดี นักลงทุนในเกาหลีใต้ แสดงความสนใจอุตสาหกรรมเป้าหมายของไทย ทั้ง ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และอิเล็กทรอนิกส์ แต่มีเงื่อนไขบางประการที่นักลงทุนต้องการให้ไทยส่งเสริมมากขึ้น

โดยในมาตรการต่าง ๆ ที่ต้องจัดเตรียมไว้รองรับนักลงทุนต่างชาตินั้น ล่าสุดได้มอบหมายให้ทางบีโอไอ ไปพิจารณาแนวทางในการส่งเสริมการลงทุนให้สอดคล้องกับความต้องการของนักลงทุน ก่อนจะส่งต่อไปยังรัฐบาลใหม่รับไปพิจารณาดำเนินการตามความเหมาะสมต่อไป เพื่อให้การขับเคลื่อนนโยบายด้านการลงทุนของประเทศไม่สะดุด

ล่าสุดยังได้รับข่าวดีอีกว่า นักลงทุนจากประเทศจีน กำลังจะเข้ามายื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนเพิ่มเพิ่มเติมในอุตสาหกรรม EV และไบโอพลาสติก เบื้องต้นได้มอบหมายให้ไปบีโอไอ พิจารณาสิทธิประโยชน์ในขั้นสุดท้ายแล้ว

ภาพประกอบข่าว การส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ และการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย

ประคองเศรษฐกิจช่วงรัฐบาลรักษาการ

ส่วนการบริหารเศรษฐกิจไทยในช่วงก่อนมีรัฐบาลใหม่เข้ามานั้น รองนายกฯ ยอมรับว่า ตอนนี้ก็ต้องประคับประคองเศรษฐกิจไทยให้ขยายตัวได้ต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันเครื่องชี้ต่าง ๆ ก็ค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้นมาบ้าง โดยเฉพาะความเชื่อมั่นด้านการบริโภค ขณะที่เงินเฟ้อก็ปรับลดลงมา เช่นเดียวกับการลดค่าไฟฟ้าในเดือนพฤษภาคม ซึ่งน่าจะช่วยลดค่าครองชีพให้กับประชาชนได้

“หน้าที่ของรัฐบาลตอนนี้คือประคับประคอง และยืนยันในศักยภาพของประเทศไทย เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนที่จะเข้ามาในอนาคต ส่วนสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ก็ต้องเตรียมเอาไว้ให้เป็นที่พอใจกับนักลงทุนด้วย” รองนายกฯ ระบุ

สำหรับการบริหารเศรษฐกิจไทยในช่วงนับจากนี้นั้น ที่ผ่านมา สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ประเมินเศรษฐกิจไทยในปี 2566 คาดว่าจะขยายตัวในช่วง 2.7 – 3.7% โดยมีปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว

รวมทั้งการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของการอุปโภคบริโภคภายในประเทศ และการขยายตัวของการลงทุน ทั้งภาคเอกชนและภาครัฐ ขณะที่มูลค่าการส่งออกสินค้าในรูปดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 1.6% โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยอยู่ในช่วง 2.5 – 3.5% 

ส่วนการบริหารนโยบายเศรษฐกิจมหภาคในช่วงที่เหลือของปี 2566 สศช.แนะนำว่า ควรให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนภาคการส่งออกสินค้า การส่งเสริมการลงทุนภาคเอกชน การสนับสนุนการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวและบริการเกี่ยวเนื่อง การดูแลการผลิตภาคเกษตรและรายได้เกษตรกร และการรักษาบรรยากาศทางเศรษฐกิจและการเมืองภายในประเทศในช่วงหลังการเลือกตั้ง