รายงานโดย : อินเตอร์โกลด์ โกลด์เทรด
อย่างไรก็ตามด้วยปัจจัยพื้นฐานหลายประการ บจก.อินเตอร์โกลด์ โกลด์เทรด เชื่อว่าราคาทองอาจทุบสถิติราคาพุ่งสูงสุดที่ระดับ 33,500 บาท ในช่วง 1-3 เดือนข้างหน้า โดยอินเตอร์โกลด์มองว่า ในช่วง 3 เดือนข้างหน้าราคาทองยังคงมีแนวโน้มที่ดีจากความไม่แน่นอนด้านวิกฤตเศรษฐกิจ และการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่อาจขึ้นเป็นครั้งสุดท้ายของปีนี้ที่ระดับไม่เกิน 5.25% ตามที่เฟดได้วางไว้ (โดยที่ในปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯอยู่ที่ระดับ 5.00%)
ตลอดจนวิกฤติที่สั่นคลอนภาคธนาคารในสหรัฐฯและยุโรปจากช่วงต้นปีที่ผ่านมา ดังจะเห็นได้จากวิกฤติธนาคารซิลิคอนวัลเลย์แบงก์ทางฝั่งสหรัฐฯ จนถึงธนาคารเครดิตสวิสของทางฝั่งยุโรป ส่งผลให้นักลงทุนยังขาดความมั่นใจการลงทุนภาคธนาคารเนื่องจากหวั่นเกรงการซ้ำรอยวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ เงินลงทุนจึงไหลเข้าสู่สินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ ซึ่งดันให้ราคาทองเริ่มสูงขึ้นตั้งแต่ช่วงไตรมาสแรกของต้นปีที่ผ่านมา
นักวิเคราะห์อินเตอร์โกลด์กล่าวว่า เมื่อเข้าสู่ช่วงปลายเดือนเมษายนเราได้เห็นสถานการณ์วิกฤตภาคธนาคารและตลาดหุ้นคลี่คลายลง ตลาดทองคำที่เคยได้อานิสงส์จากความกังวลวิกฤตภาคธนาคารจะล้มจนลามเป็นวิกฤติใหญ่ ๆ เริ่มคลี่คลาย ดังที่เราได้เห็นว่าตั้งแต่ช่วงต้นเมษายนราคาทองคำไม่ได้พุ่งขึ้นอย่างดุดันมากเท่าไร และเริ่มมีการสร้างฐานหรือปรับตัวออกข้างในกรอบที่ค่อนข้างกว้างระดับหนึ่ง
ช่วงปลายเดือนเมษายนเราจะได้เห็นสถานการณ์เริ่มคลี่คลายลงบ้างและนักลงทุนเริ่มมีความมั่นใจในการกลับมาลงทุนในตลาดหุ้นอีกครั้งหลังจากที่ได้รับแรงกดดันอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา ด้านทางเทคนิคหากตลาดยังคงทำทรงดีอยู่ ช่วงปลายปีนี้เราอาจจะได้เห็นการไหลของเงินกลับเข้าสินทรัพย์เสี่ยงเช่น ตลาดหุ้น เพราะหากธนาคารกลางสหรัฐฯเริ่มคงอัตราดอกเบี้ยจนถึงปี 2024 ก่อนจะถึงเวลาที่เริ่มลดอัตราดอกเบี้ยลง คาดการณ์ว่าถ้าเศรษฐกิจมีปัญหาอาจจะมีการพิมพ์เงินกลับเข้าสู่ระบบ
จึงกล่าวได้ว่าเงินที่กองกันอยู่ในตลาดทองคำอาจมีการไหลออกมาสู่ผลตอบแทนที่ดีกว่าก็เป็นได้ ประเมินว่าระยะสั้นราคาทองรายเดือนอาจไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก เห็นได้จากราคาทองที่ไม่อาจยืนเหนือ 32,500 บาท (2,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ) ได้ แต่เมื่อไรที่ราคาทองยืนเหนือ 32,500 บาท (2,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ) ได้นั้น เราอาจจะได้เห็นราคาทองคำในตลาดขึ้นไปแตะจุดสูงสุดทุบสถิติรอบใหม่
อย่างไรก็ตามสัญญาณราคาทองคำช่วงนี้เป็นไปในลักษณะ Sideway up โดยในช่วงแรกราคาจะวิ่งอยู่ในช่วงของ 31,800-32,300 บาท (1,930-1,980 ดอลลาร์สหรัฐฯ) และในช่วงหลังราคาที่เราเจอกันจะอยู่ที่ 32,300-32,800 บาท (1,980-2,030 ดอลลาร์สหรัฐฯ) ดังนั้นหากราคาทองคำไม่หลุดต่ำกว่า 31,800 บาท (1,930 ดอลลาร์สหรัฐฯ) เราอาจจะได้เห็นการพุ่งทะยานขึ้นแตะระดับ 2,050 - 2,070 ดอลลาร์สหรัฐฯได้ไม่ยาก ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นเราอาจได้เห็นราคาทองคำไทยขึ้นทะลุ 33,000 บาทได้
โดยถ้าไม่มีปัจจัยด้านดอกเบี้ยทองคำในระยะ 1-3 เดือนนี้ยังคาดหวังขาขึ้นได้ต่อไป ถ้าไม่ได้มีประเด็นอะไรใหม่ที่ทำให้ความเสี่ยงระดับโลกเพิ่มขึ้นทองน่าเริ่มลดความสำคัญลงในช่วงปลายปีนี้
ทั้งนี้ ราคาทองที่จะพุ่งทุบสถิติรอบใหม่หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ตั้งแต่แนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐที่อาจเป็นการขึ้นครั้งสุดท้ายของปี 2023 นี้ และปัจจัยที่ค่อยๆ สุมไฟขึ้นมาเรื่อยๆ อย่างเรื่องการแบ่งขั้วของมหาอำนาจทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และชาติพันธมิตร (จีน รัสเซีย และชาติในแถบกลุ่มตะวันออกกลาง) จากกระแสความเพลี่ยงพล้ำของสหรัฐฯ ทำให้โลกเริ่มมองฝั่งทางจีนอาจพลิกกลับมาเป็นมหาอำนาจในโลกใหม่หรือไม่ เพราะฉะนั้นสำหรับนักลงทุนทองคำก็ต้องติดตามข่าวอย่างใกล้ชิดเพื่อให้ไม่พลาดเมื่อโอกาสมาถึง