เปิดความคืบหน้าลงทุน EEC 2566 สนามบินอู่ตะเภา-ท่าเรือมาบตาพุด

28 เม.ย. 2566 | 09:25 น.

สำนักงาน EEC ลงพื้นที่เช็คความคืบหน้า 2 โครงการลงทุน ทั้งสนามบินอู่ตะเภา-เมืองการบินภาคตะวันออก และท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 เช็คความคืบหน้าล่าสุดต้นปี 2566 สรุปให้ที่นี่

นายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) หรือ EEC เปิดเผยว่า ได้ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการพัฒนาโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานหลัก จำนวน 2 โครงการ ซึ่งเป็นการร่วมทุนรัฐและเอกชน (PPP) คือ โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก และโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3

สนามบินอู่ตะเภา-เมืองการบิน

สำหรับโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก พื้นที่ 6,500 ไร่ มูลค่าการลงทุนกว่า 204,240 ล้านบาท ขณะนี้ได้เริ่มงานก่อสร้างส่วนระบบสาธารณูปโภคในพื้นที่โครงการแล้ว ได้แก่ งานระบบไฟฟ้าและน้ำเย็น ซึ่งได้ก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ (Solar Farm) และโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม (Cogeneration) เป็นพลังงานสะอาด มีกำลังผลิตไฟฟ้ารวม 95 เมกะวัตต์ 

พร้อมด้วยระบบกักเก็บพลังงานอัจฉริยะ ขนาด 50 เมกะวัตต์ เพื่อให้ สนามบินอู่ตะเภา และงานระบบอื่น ๆ ที่สำคัญ ทั้ง งานน้ำประปาและบำบัดน้ำเสีย งานระบบเติมน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน ล่าสุดงานมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง

 

โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก

ส่วนงานก่อสร้างรันเวย์ที่ 2 ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของกองทัพเรือ คาดว่าในเดือนพฤษภาคม 2566 จะออกประกาศเชิญชวนผู้รับจ้าง ก่อนเข้าสู่ขั้นตอนประกวดราคา และประกาศผลภายในเดือนพฤศจิกายน 2566 จากนั้นจึงลงนามในสัญญาจ้างเดือนธันวาคม 2566 และเริ่มงานก่อสร้างปี 2567 เสร็จสิ้นตามเป้าหมายในปี 2570

ขณะเดียวกันในระหว่างนี้ภาครัฐยังอยู่ระหว่างส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างให้กับบริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนลเอวิเอชั่น จํากัด (UTA) คาดว่าจะส่งมอบในช่วงไตรมาส 3 ปี 2566 ต่อไป

 

โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก

 

นายจุฬา ยืนยันว่า ตอนนี้งานด้านโครงสร้างพื้นฐานก็มีความคืบหน้าแล้วบางส่วน โดยงานหลักน่าจะเริ่มต้นได้ในปี 2567 ส่วนโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน ซึ่งเป็นโครงการที่เกี่ยวโยงกันนั้น ตอนนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาสัญญากับเอกชน คาดว่าจะต้องมาคุยกันอีกครั้ง ก่อนจะเสนอให้กับรัฐบาลใหม่พิจารณา

ขณะที่งานที่เกี่ยวข้องกับภาคเอกชน โดยเฉพาะการร่วมลงทุนพัฒนาอาคารผู้โดยสารหลังที่ 3 เมืองการบิน (Airport City) คลังสินค้า (Cargo) ลานจอดอากาศยาน ถนนและสาธารณูปโภคภายในโครงการ รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกภายในสนามบิน ปัจจุบันอยู่ระหว่างปรับปรุงแผนแม่บทให้เหมาะสมกับสถานการณ์ธุรกิจการบิน และการออกแบบรายละเอียดต่างๆ แต่ละโครงการ ด้านความก้าวหน้าที่สำคัญ UTA ได้จัดทำรั้วมาตรฐานเขตการบินเรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างเตรียมการก่อสร้างทันทีหลังได้รับแจ้งให้เริ่มการก่อสร้าง (Notice to Proceed : NTP) จาก สกพอ.

ท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3

ปัจจุบันการพัฒนาโครงการท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 มูลค่าโครการ 57,400 ล้านบาท คืบหน้าไปแล้วกว่า 43.72% ทำได้เร็วกว่าแผนที่ตั้งไว้ โดยคาดว่าโครงการท่าเรือมาบตาพุดฯ จะสามารถก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดดำเนินการท่าเรือก๊าซ (ส่วนที่ 1) ภายในปี 2570 

สำหรับงานที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างในปัจจุบัน ได้แก่ การก่อสร้างเขื่อนกันทราย การลงหินแกนแล้วเสร็จ 100% และอยู่ระหว่างปรับขนาดเสริมหินเกราะชั้นนอก ติดตั้งเขื่อนกันคลื่นทะเล (Breakwater) ถมทรายเพื่อก่อสร้างถนน สะพานเข้า-ออกโครงการ 

 

โครงการท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3

 

รวมทั้งเตรียมงานอู่ลอยสำหรับหล่อเขื่อนกันคลื่นสำเร็จรูป (Caisson) ในส่วนของงานขุดลอกและปรับพื้นที่ทางทะเล ได้ติดตั้งม่านกันตะกอนตามที่ระบุในรายงาน EHIA เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด รวมทั้งโครงการ ได้สร้างการมีส่วนร่วมจากประชาชนต่อเนื่อง มีการจัดตั้งคณะกรรมการติดตามควบคุมด้านสิ่งแวดล้อมในงานก่อสร้าง

นอกจากนี้ยังมีการตรวจสอบด้านสิ่งแวดล้อม อาทิ วัดคุณภาพอากาศ เสียง ความสั่นสะเทือน วัดคุณภาพน้ำทะเล คุณภาพน้ำทิ้ง ซึ่งได้รายงานต่อกรมเจ้าท่า และสำนักงาน สผ. ทุก 6 เดือน ปัจจุบันดำเนินการแล้ว 3 ครั้ง

 

โครงการท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3

 

โดยโครงการพัฒนาท่าเรือมาบตาพุด ถือเป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน อีอีซี เพื่อรองรับการขนถ่ายก๊าซธรรมชาติและวัตถุดิบเหลวสำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ในเขตนิคมฯ มาบตาพุด มีเนื้อที่ประมาณ 1,000 ไร่ รองรับการลงทุนใน อีอีซี เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการขนถ่ายก๊าซธรรมชาติและสินค้าเหลวสำหรับอุตสาหกรรมปิโตรเคมี 19 ล้านตันต่อปี