‘บึงกาฬ’ นับถอยหลัง 2567 เปิดใช้สะพานข้ามโขง 5 

20 เม.ย. 2566 | 08:13 น.
อัปเดตล่าสุด :20 เม.ย. 2566 | 08:24 น.

บึงกาฬเตรียมเฮ สะพานข้ามโขง 5 เสร็จปีนี้ พร้อมทดลองใช้ในต้นปี 2567 เตรียมพร้อมรับแล้ว เตรียมพื้นที่2,000 ไร่ ตั้งนิคมอุตสาหกรรมบึงกาฬ-สนามบินใหม่

ด้านหน่วยราชการเร่งฝึกอบรมเตรียมพร้อมเจ้าหน้าที่ แล้ว หนุนต่อทางคู่นครพนมเลียบโขงถึงหนองคาย ต่อโครงข่ายสปป.ลาวไปออกทะเลฝั่งเวียดนาม

การก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 5 (บึงกาฬ-แขวงบอลิคำไซ) ที่เลื่อนตอกเสาเข็มจากเม.ย. เป็น ต.ค. 2563 และผู้นำสองประเทศทำพิธีวางศิลาฤกษ์เมื่อ ต.ค. 2565 จากผลกระทบการระบาดเชื้อโควิด-19 แต่จากการเร่งรัดการก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง ทำ ให้ล่าสุดถึง มี.ค. 2566 นี้ โครงการมีความก้าวหน้าในภาพรวม 94.856% เร็วกว่ากำหนด 4.649% ซึ่งกำหนดสัญญาก่อสร้างจะสิ้นสุดลงในปี 2566 นี้ คาดจะแล้วเสร็จได้ตามแผน

การก่อสร้างสะพานข้ามโขง5ก้าวหน้ามากกว่าแผน

นายเจตน์ เกตุจำนง ที่ปรึกษาหอการค้าจังหวัดบึงกาฬ

นายเจตน์ เกตุจำนง ที่ปรึกษาหอการค้าจังหวัดบึงกาฬ เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ขณะนี้ทางจังหวัดและภาคเอกชนในพื้นที่บึงกาฬ ได้เตรียมความพร้อมรองรับความเปลี่ยนแปลงในอนาคต หลังสะพานข้ามโขง 5 แล้วเสร็จ โดยจัดหาพื้นที่ประมาณ 2,000 ไร่เศษ ในท้องที่ตำบลวิศิษฐ์ อ.เมืองบึงกาฬ ห่างจากสะพานประมาณ 10 ก.ม. ไว้แล้ว

โดยที่ดินแปลงนี้ที่เตรียมไว้ ได้เสนอให้การนิคมแห่งประเทศไทย (กนอ.) จัดทำโครง การนิคมอุตสาหกรรมจังหวัดบึงกาฬ ตามที่กนอ. เคยลงสำรวจพื้นที่แล้ว เพื่อจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมฯ 6 แห่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คือที่ หนองคาย บึงกาฬ มุกดาหาร บุรีรัมย์ สุรินทร์ และสระแก้ว และอีกส่วนหนึ่งเพื่อทำสนามบินบึงกาฬ ซึ่งคาดว่าในปี 2571 น่าจะมีความคืบหน้า

‘บึงกาฬ’ นับถอยหลัง 2567 เปิดใช้สะพานข้ามโขง 5 

‘บึงกาฬ’ นับถอยหลัง 2567 เปิดใช้สะพานข้ามโขง 5 

นายเจตน์กล่าวด้วยว่า บึงกาฬเป็นจังหวัดที่มีพื้นที่ปลูกยางพารามากที่สุดในอีสาน ขณะที่การเปิดใช้รถไฟจีน-ลาว ที่ผ่านมา ทางบึงกาฬไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้ เนื่องจากปลายทางรถไฟจีน-ลาวคือเมืองคุนหมิง แต่ตลาดยางพาราของจีนอยู่ที่เมืองกวางโจว ซึ่งอยู่ทางตะวันออก ติดชายทะเล จึงยังต้องขนใส่รถบรรทุกไปขึ้นรถไฟที่หนองคายส่งไปลงท่าเรือแหลมฉบัง ที่ยังมีต้นทุนสูงอยู่เช่นเดิม

แต่บึงกาฬมีความหวัง จากที่สำนักงานนโยบายและแผน การขนส่งและจราจร (สนข.) ศึกษาความเป็นไปได้ ถึงแผนขยายโครงข่ายเชื่อมต่อระบบรางทางรถไฟสายใหม่ บ้านไผ่-นครพนม ที่อยู่ในแผนดำเนินการแล้ว โดยต่อจากนครพนมเลียบนํ้าโขงไปถึงหนองคาย และเชื่อมโยงกับระบบรถไฟจีน-ลาว-ไทย ในอนาคต จะทำให้เกิดโครงข่ายระบบรางที่สมบูรณ์ เสริมความแข็งแกร่งความสามารถการแข่งขันกับเพื่อนบ้าน รวมทั้งเชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยวริมแม่นํ้าโขง 7 จังหวัดอีกด้วย

‘บึงกาฬ’ นับถอยหลัง 2567 เปิดใช้สะพานข้ามโขง 5 

นายเจตน์กล่าวอีกว่า ส่วนโครงการต่อรางรถไฟจีน-ลาว จากเวียงจันทน์ไปลงท่าเรือนํ้าลึก หวุงอ๋างในเวียดนาม ที่รัฐบาลสปป.ลาวเผยแพร่ข่าวเป็นระยะนั้น หากเกิดได้จริงจะเป็นผลดีกับบึงกาฬและจังหวัดในภาคอีสานเต็มๆ ที่จะสามารถขนสินค้าข้ามสะพานไปขึ้นรถไฟ เพื่อไปลงท่าเรือนํ้าลึกหวุงอ๋างริมฝั่งทะเลของเวียดนามได้ ในระยะทางไม่ถึง 300 กิโลเมตร รวมทั้งเชื่อมเข้าระบบรางของเวียดนามที่ต่อเข้าจีน ที่ผ่านมามีผู้ส่งตู้สินค้าไปถึงยุโรปตะวันออกหลายเที่ยวแล้ว ซึ่งเป็นไปตามยุทธศาสตร์สปป.ลาว ที่จะเปลี่ยนจากแลนด์ล็อกเป็นแลนด์ลิงก์

“แต่เนื่องจากเป็นโครง การที่ใช้งบประมาณค่อนข้างสูง ยังไม่ทราบว่ารัฐบาลสปป.ลาวและเวียดนาม จะบริหารจัดการอย่างไร จึงไม่ควรฝากความหวัง เพราะไม่รู้ว่าโครงการฯจะเกิดขึ้นได้หรือไม่และเมื่อไหร่ และต้องช่วยตัวเองให้มากที่สุด และไม่เสียโอกาสเรื่องการสร้างความเชื่อมั่นการแข่งขัน และรักษาความเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคไว้ต่อไปให้ได้”

นายเจตน์เสนอต่อว่า สนข.ลงพื้นที่บึงกาฬ มีแนวคิดการก่อสร้างทางด่วนพิเศษ สาย N3 จากบึงกาฬลงไปถึงช่องจอม จ.สุรินทร์ ซึ่งจะมีทั้งระบบล้อและระบบราง ซึ่งส่วนหนึ่งจะเชื่อมต่อกับทางคู่สายบ้านไผ่-นครพนม ที่อยู่ในแผนก่อสร้างแล้ว หากแนวคิดนี้เกิดเป็นโครงการขึ้นได้ จะเสริมโครงข่ายโลจิสติกส์ระหว่างภาค ช่วยลดต้นทุนการขนส่งได้มากกว่า 3 เท่า จึงเป็นโครงการที่มีความสำคัญสูงในลำดับต้น

‘บึงกาฬ’ นับถอยหลัง 2567 เปิดใช้สะพานข้ามโขง 5 

ส่วนระบบล้อนั้น กรมทางหลวงได้ขยายทางหลวงแผ่นดิน เส้นหนองคาย-บึงกาฬ-นครพนม เป็น 4 ช่องจราจร ขณะนี้การก่อสร้างเหลืออีกประมาณ 20 ก.ม. ก็จะถึงบึงกาฬแล้ว และในอนาคตกรมทางหลวงจะสร้างทางหลวงสายใหม่ เส้นตรงจากบึงกาฬ-อุดรธานี ไปเชื่อมกับทางหลวงหมายเลข 2 ที่อำเภอกุมภวาปี ระยะทาง 155 ก.ม. โดยไม่ต้องอ้อมเข้าหนองคาย ซึ่งการดำเนินการต่างๆ มีความก้าวหน้าตามแผน

ทั้งนี้ ความคืบหน้าการก่อสร้างสะพานมิตรภารไทย-ลาว แห่งที่ 5 เวลานี้มีความก้าวหน้าไปมากกว่า 90% คาดหมายจะเสร็จภายใน 2566 นี้ และสามารถเปิดทดลองใช้งานอย่างไม่เป็นทางการในต้นปี 2567 ซึ่งทางจังหวัดและภาคเอกชนในพื้นที่ ร่วมกันเตรียมความพร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น หลังเปิดใช้สะพานข้ามโขง แห่งที่ 5 นี้ อย่างจดจ่อ โดยหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องได้ฝึกอบรมให้ความรู้ด้านต่างๆ อย่างเป็นระบบแล้ว 

 

ยงยุทธ ขาวโกมล/รายงาน
หน้า 10 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่43 ฉบับที่ 3,880 วันที่ 20-22 เมษายน พ.ศ.2566